เปรียบสายฝนบนฟ้าคราหล่นชุก
เป็นความทุกข์สุกงอมพร้อมหล่นร่วง
คนบนดินผินหลบไม่ซบทรวง
กลัวเสื้อผ้าเปียกป่วงห่วงร่างตน
ต่างกำบังรั้งร่มเข้าห่มกั้น
กลัวทุกข์นั้นมันเปื้อนเกลื่อนกายหม่น
แต่ไม่อาจหลีกหลบได้จบจน
ไม่โดนฝนล้นหลากจากฟากฟ้า
ทุกข์เปื้อนตนเพียงน้อยคอยคิดหลบ
ไม่อยากซบซุกซ่อนให้อ้อนหา
เหมือนหลบฝนเพียงนิดติดบางครา
แต่โดนฝนทั้งห่า กลับกล้าลุย
เดินตากฝนตากทุกข์เข้าคลุกเคล้า
ถลุงเอามาสิ้นกลิ่นดินขุย
ไม่กลัวแล้วแนวไหนใช่ว่าคุย
ตายเป็นปุ๋ยยังกล้าท้าโรมรัน
ถึงที่สุดหยุดยั้งตรงฝั่งไหน
เราหรือใครไหนเล่าเข้าบากบั่น
เปียกเพราะตนฝนมากหากจาบัลย์
ไม่มีวันรู้สุขเมื่อทุกข์ครอง
เดินตากฝนแสนชื่นยืนอ้าแขน
ฝนจากแถนมาเลยไม่เคยหมอง
จะกี่ห่าท้าสู้อยู่ลำพอง
ทุกข์สนองร้องลั่น..มันแค่นี้..
เป็นความทุกข์สุกงอมพร้อมหล่นร่วง
คนบนดินผินหลบไม่ซบทรวง
กลัวเสื้อผ้าเปียกป่วงห่วงร่างตน
ต่างกำบังรั้งร่มเข้าห่มกั้น
กลัวทุกข์นั้นมันเปื้อนเกลื่อนกายหม่น
แต่ไม่อาจหลีกหลบได้จบจน
ไม่โดนฝนล้นหลากจากฟากฟ้า
ทุกข์เปื้อนตนเพียงน้อยคอยคิดหลบ
ไม่อยากซบซุกซ่อนให้อ้อนหา
เหมือนหลบฝนเพียงนิดติดบางครา
แต่โดนฝนทั้งห่า กลับกล้าลุย
เดินตากฝนตากทุกข์เข้าคลุกเคล้า
ถลุงเอามาสิ้นกลิ่นดินขุย
ไม่กลัวแล้วแนวไหนใช่ว่าคุย
ตายเป็นปุ๋ยยังกล้าท้าโรมรัน
ถึงที่สุดหยุดยั้งตรงฝั่งไหน
เราหรือใครไหนเล่าเข้าบากบั่น
เปียกเพราะตนฝนมากหากจาบัลย์
ไม่มีวันรู้สุขเมื่อทุกข์ครอง
เดินตากฝนแสนชื่นยืนอ้าแขน
ฝนจากแถนมาเลยไม่เคยหมอง
จะกี่ห่าท้าสู้อยู่ลำพอง
ทุกข์สนองร้องลั่น..มันแค่นี้..
บ้านริมโขง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น