หน้าแรก

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

~~@ รางวัลคนดี @~~

รางวัลคนดี

ปล่อยสายตาฝ่าละอองคืนหมองมืด
มองฟ้าจืดแสงหม่นคนหลับใหล
ดึกสงัดรัตติกาลผลิบานใบ
ปรารถนาแห่งหัวใจ..ไร้พรมแดน

มองไม่เห็นสิ่งใด..แต่ใจอยาก
หาของฝากจากประสงค์คงยากแสน
ค้นรางวัลหมั่นวาดแม้นขาดแคลน
อยากทดแทน..คนดี..มีหัวใจ

จะเสาะหามาฝากจากถิ่นแถน
แม้นานแสนแดนกั้นหาหวั่นไหว
เพื่อขอบคุณผลงานที่สานไป
ต้องสิ่งใดถึงดูจึงคู่นวล

คุณคนดี ดีใน..ที่ใจเจ้า
คุณคอยเฝ้าเผาทุกข์เติมสุขส่วน
คุณเข้มแข็งแกร่งจิตผลิตกระบวน
คุณสมควรได้รับจับรางวัล

คืนสงบพบตนบนสมาธิ
ตั้งสติตริตรอง..ใดของขวัญ
ควรจะเป็นเพชรทองสนองกัน
ล้นค่านั้นหรือไฉน..ใคร่คู่ควร

พลันแว่วคำนำสั่งดั่งสิ่งทิพย์
มากระซิบหยิบแสงแบ่งสงวน
“อโรคยา ปรมาลาภา” สมค่านวล
โปรดสงวนมารับ..ประดับตน..


๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

~~@ จาก..คนอ่าน @~~

หลากหลายรสบทกวีที่เอ่ยเอื้อน
จากหมู่เพื่อนสร้างเสกปัจเจกผล
หลากอารมณ์ผสมฝันรำพันกล
ดุจดั่งมนต์คนร่ายเป้าหมายมี

ทั้งสานสู่คู่คล้องด้วยปองหมาย
รักเคียงกายชายชื่นยื่นสุขี
มากสำนวนชวนพร่ำฉ่ำวจี
หวานเหลือที่สรรคำจำนรรจา

บ้างมีง้อต่อกานท์ขานสดับ
บ้างเหมือนกับหลบหลีกปลีกห่วงหา
บ้างก็ตามถามทวงห่วงกานดา
บ้างน้ำตามาไหลยามไกลกัน

มีวิชาพารู้สู่เพื่อนพ้อง
เสริมสนองคล้องหลักพำนักมั่น
จากผู้รู้หมู่กานท์ชำนาญพลัน
เติมหลักนั้นมั่นแม่นแก่นกวิน

ฉันคนอ่านผ่านคำด้วยฉ่ำสุข
ร้อยเรียงรุกปลุกตื่นชื่นศรีศิลป์
ด้วยต่างกลั่นคำขานหวานสู่จินต์
เลือกแต่กลิ่นลิ้นรสแสนงดงาม

มากเสนอเจอสนองคล้องจองหมาย
มองดูคล้ายแสงดาวพราววาบหวาม
กระจายอาบทาบฟ้าพาแวววาม
เรืองอร่ามกลางกมล..คนอ่านคำ


~~@ จาก..คนอ่าน @~~



เป็นบางช่วงดวงเปลี่ยนเขียนไม่ออก
อารมณ์บอกไม่ไหวข้างในขม
สมองฝ่อต่อศัพท์ไม่ขับคม
นั่งติดปมปัญหานัยน์ตาลอย

จะสื่อสารการใดเหมือนไร้รส
จืดไปหมดปากลิ้นและกลิ่นกร่อย
เหมือนท้อทางกลางฝนทนนั่งคอย
ความเหงาหงอยลอยล้อมเห่ห้อมกาย

มองใครอื่นชื่นชมคารมหวาน
ส่งแรงหว่านขานคำฉ่ำความหมาย
มากไมตรีมีหวังหลั่งเรียงราย
มองด้วยสายตาเหงา..เราไม่มี

จะเขียนคำสื่อไปก็ไม่กล้า
อักษราเราด้อยน้อยใจที่..
จะหาใครมาอ่านขานไมตรี
ไม่ใยดียังซ้ำ..กระหน่ำเติม

กอดเก็บกำต่ำหวังขังในอก
ปิดฝาปกหมกไว้ไม่ฮึกเหิม
รู้ทนได้ไม่หม่นยังคนเดิม
แม้ทุกข์เสริมเพิ่มท้อยังรอคอย..

จึงเพียงต่อเติมตามงามคำชื่น
ของคนอื่นรื่นล้นแม้..คนหงอย
ยังมานะตามอ่านงานเนื้อกลอย
ชื่นเพียงน้อยเพียงเห็น...เป็นสุขแล้ว..


สองคนอ่าน

สองคนอ่าน

ผ่านหลายวันกว่าจะคืนฟื้นสติ
จากดำรินำฝากจากฉวี
เห็นคำไขใจหวิวลิ่วลมมี
ฉ่ำวจีมีซึ้ง..ถึงจังงัง

ในหัวใจสั่นเทิ้มเพิ่มประหม่า
เหมือนแข้งขาล้าแรงสำแดงสั่ง
ระทวยร่างอิงเสาเอาหมอนบัง
เงี่ยหูฟังเสียงสะท้อน..อ้อนจากทรวง

มีคนซึ้งถึงรักสลักแล้ว
เหมือนแน่แน่วแนวกวีนี้ใหญ่หลวง
เขาหลงรักอักษราคราเด่นดวง
ที่ร้อยพวงพ่วงฝัน..แสนรัญจวน

หวังกอดกานท์ก่อกลให้คนหลง
คำโฉมยงหลงง่ายให้ชายหวน
กี่มารยาเธอหว่านการกระบวน
กี่คร่ำครวญจากชายที่คล้ายเรา

เกินจะถอยคล้อยจากให้มากผล
ขอเยี่ยมยลคืนทางเข้าวางเป้า
จะสร้างบ่วงภาษามาล้อมเอา
กักขังเจ้าให้อยู่คู่กวิน

จะผูกแขนแสนรักสักร้อยกาพย์
จะเอิบอาบด้วยกลอนร่อนถวิล
จะห่อโคลงโยงฉันท์หมั่นยลยิน
จะต้มกินกลบท..ซดร่วมกัน..อิอิ



ส่งสารสู่สาว

ส่งสารสู่สาว

ลมเหมันต์พลันพลิ้วลอยลิ่วรับ
โอบกระชับสายใยในเวหน
ประคองสายสื่อฝันมั่นกมล
เธอบันดลถึงฉันคืนรัญจวน

กรุ่นกลิ่นหอมล้อมกายและใจนัก
เข้าฟูมฟักถักทอหนอลมหวน
อยากเก็บกอดเจ้ายั้งทั้งกระบวน
เจ้าอย่ารวนเลยลาข้าฯ อีกเลย

ซึ้งในจินต์ถวิลหาตื่นตาฝัน
สายใยนั้นจากใครที่ไหนเอ่ย
อยากตามถึงตอต้นคนรำเพย
อยากให้เผยทางสู่ประตูใจ

อยากส่งคืนกลับบ้างทางห่วงหา
จำนรรจาฝากต่อขอขานไข
สื่อสัมพันธ์นั้นหนักจักส่งไป
ตอบแทนให้ได้ชื่น..ทุกคืนครอง..

 27


วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

~~@ หมอลำ @~~

สิ้นงานนาคราครั้งความหลังเล่า
หมู่ผู้เฒ่าแม่พ่อต่อหนุ่มสาว
ตั้งงานบุญหนุนเนื่องเป็นเรื่องราว
ประกาศข่าวคราวนี้มีบันเทิง

หาหมอลำนำงันกันครึกครื้น
หมู่คนตื่นชื่นฉ่ำนำเถลิง
ต่างหอบลูกจูงหลานขานรื่นเริง
เสียงเทิดเทิ่งเปิงเปิดเลิศงานบุญ

แม่ให้ผมไปจองมองที่นั่ง
ตามแม่สั่งตั้งเรื่องอย่าเคืองขุ่น
ต้องชิดหน้าเวทีนี่เลยคุณ
ส่วนผมหนุนตักนอนหลับก่อนเลย

ตื่นกี่หนคนฟังยังแน่นวัด
หมอลำจัดขัดขานตำนานเผย
ทั้งสีทนมโนรานำมาเปรย
นางไอ่เอ่ยผาแดงแข่งกันลำ

เป็นมหรสพคบงันอันเลิศค่า
แทรกปรัชญาภาษิตคิดชื่นฉ่ำ
ภาษากลอนงามงดทุกรสคำ
แสนดื่มด่ำในศิลป์ถิ่นขวานทอง..


ดอกปีบ


งามพริ้งพราวขาวนวลชวนลุ่มหลง
งามกลีบตรงชดช้อยเรียงร้อยอ้าง
งามบานหมู่ดูสวยรวยสะอาง
งามกระจ่างกลางใจยามได้มอง

มาลีสวยตามพันธ์อันสรรสร้าง
เธอสวยอย่างพงศ์พันธ์นั้นสนอง
มาลีงามตามจิตยามคิดครอง
เธองามต้องมารยาทปราศมารยา

ชื่นชมนวลชวนหมายสายสวาท
งามพิลาศเลอลักษณ์ยิ่งนักหนา
งามดอกปีบรีบชมสมสายตา
อีกไม่ช้าโรยหล่นเกลื่อนกล่นดิน

บ่งบอกถึงหนึ่งจิต..อนิจจัง
หาจีรังตั้งชมสมถวิล
งามผ่องพักตร์ลักขณาน่ายลยิน
ไม่นานสิ้นบินลับกับกลกาล

กลีบดอกปีบโรยร่วงเกินหน่วงรั้ง
ชีพที่ยังเกินยุดให้หยุดผ่าน
อาลัยไปก็ฝืน คำ..ยืนนาน
ดอกปีบบานหวานแล้ว..ก็แผ่วลา

ถึงคราวงาม งามสมให้ชมชื่น
ถึงคราวตื่น ตื่นสุดผุดผ่องหน้า
ถึงคราวจาก จากสิ้นถิ่นลวงตา
ถึงคราวฟ้า ฟ้าส่ง..ต้องปลงเป็น

ชาญจิต

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

~~@ หมดกัน @~~


หมดอารมณ์บ่มฝันบั่นอาการ

หมดคำขานสารสื่อถือคำไข

หมดตามต่อรอเฝ้าเขาตามไป

หมดอาลัยนัยเห็นเป็นอาจินต์



น้ำใจมากฝากสื่อคือใจสู้

น้ำคำพรูดูเลิศเปิดคำสิ้น

น้ำในจิตมิตรแห้งแล้งในดิน

น้ำไหลรินกลิ่นเน่าเข้าไหลรวม



ล้วนฉาวโฉ่โห่แห่แลฉาวโฉด

สร้างข่าวโหดโทษแท้แก่ข่าวสวม

ปลุกมวลชนล้นเลิศเกิดมวลรวม

ก่อกำกวมบวมบิดคิดกำไร



ต้องเงินจ้างสร้างกลุ่มสุมเงินขอ

เกิดแรงก่อต่อต้านสานแรงไหว

เงินหายหดหมดคนล้นหายไป

หาที่ไหนใฝ่จิตมิตรที่มี



พวกนายทุนหนุนทางวางนายหน้า

หวังเขาฝ่าหาหลักผลักเขาหนี

ทุ่มเงินตราค้าความยามเงินดี

หวังต่อยตีสีอื่นหื่นต่อยตาม



ต้องล้มล้างสร้างค่าว่าล้มได้

ต้องเหยียดให้ใครดับลับเหยียดหยาม

หากต้องแพ้แลไหนไฟต้องลาม

พวกเลวทรามหามให้ไทยเลวลง
ชาญจิต
๔ สิงหาคม ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

๐@ ~ รู้ว่า.. ~ @๐

รู้ว่า  ใจไหวหม่นทนลำบาก
รู้ว่า  ฝากหวังวางอย่างมั่นหมาย
รู้ว่า  ยังหวังปองครองเคียงกาย
รู้ว่า  ใจสลายรักคลายคืน

รู้ว่า  ใจไม่เจียมคอยเสี้ยมสั่ง
รู้ว่า  หลั่งรักล้นเกินทนฝืน
รู้ว่า  รักหวังไว้ให้ยาวยืน
รู้ว่า  ต้องกล้ำกลืนไม่ชื่นคำ

รู้ว่า  เขาเศร้าทรวงดวงขื่นขม
รู้ว่า  ตรมเศร้านักรักถลำ
รู้ว่า  ภาพความหลังยังคงจำ
รู้ว่า  พร่ำเพ้อห่วงทุกช่วงวัน

รู้ว่า  ตนทนเศร้าเหงาไม่ต่าง
รู้ว่า  ห่างร้างไปใจโศกศัลย์
รู้ว่า  ตนต่ำนักรักรำพัน
รู้ว่า  ไม่เทียบชั้นสวรรค์ลวง

รู้ว่า  ได้แต่สร้างวางรอยแผล
รู้ว่า  แย่ยามยลไร้คนหวง
รู้ว่า  เพิ่มเติมเศร้าเผาแดดวง
รู้ว่า  ปวงปรารถนาฟ้าลงทัณฑ์

รู้ว่า  เราตัวสร้างวางรอยช้ำ
รู้ว่า  ต้องคืนคำนำสุขสันต์
รู้ว่า  ต้องคืนค่าความจาบัลย์
รู้ว่า  วัน..จากไกล..ทำให้ตรม.

"บ้านริมโขง"

๐๐๐ ~ สัมผัสเลือน ~ ๐๐๐


เหมือนละอองไอเย็นเห็นสลัว
เกาะกระจกมากมัวเป็นตัวหม่น
ปิดบังแสงสดใสสายตาคน
มองให้พ้นผ่านยากเป็นฉากบัง

มองทุกอย่างระหว่างนี้เหมือนลี้ลับ
หาสดับใดแท้แก่วาดหวัง
ยิ่งก้าวตามยิ่งห่างอย่างรุงรัง
เอื้อมคว้ายังพลั้งพลาดขาดประเมิน

สัมผัสได้หาใช่สัมผัสจริง
เหมือนทุกสิ่งสัมผัสเลือนเคลื่อนขาดเขิน
ที่ยึดเหนี่ยวไร้ค่าคราเผชิญ
เป็นเพียงเดินถลำต้องคลำทาง

ใจสัมผัสว่าใช่ก็ไม่แน่
ล้วนปรวนแปรแค่เห็นเป็นเพียงหาง
ไม่เห็นตัวหัวหายคล้ายแสงจาง
สลัวร่างสัมผัสไหนไร้ตัวตน

สัมผัสใดใสสุกทุกสถาน
แต่ร้าวรานสัมผัสใครให้มัวหม่น
ยิ่งสัมผัสหัวใจในสองคน
ยากยิ่งล้นบนหมายหลบสายตา

สัมผัสเลือนบทกลอนถูกสอนสั่ง
สัมผัสยังไม่ชัดจัดใหม่หนา
สัมผัสเลือนชีวิตผิดทุกครา
ใครอาสา..ชี้ด้วย ..ช่วยชี้นำ..

"บ้านริมโขง"


วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

~~@ คนคือใคร @~~




เพราะเป็นคนถึงคิดผิดวิสัย
เพราะมีใจเบียดเบียนเกรียนทุกอย่าง
อ้างปัญญาว่าแน่แท้ทุกทาง
สื่อสมอ้างอย่างมากความอยากมี

ต้นไม้ใหญ่สวยงามยามใดเห็น
หาได้เว้นบังเบียดเข้าเสียดสี
แทนจะปล่อยสวยใหญ่ในพงพี
ยังราคีเติมต่อก่อรังตน

ธรรมชาติผิดเพี้ยนคนเสี้ยนนัก
สร้างบ้านพักบนดินสิ้นทุกหน
อุตริสร้างรังดังแยบยล
สัปดนโหนห้อยร้อยกิ่งใบ

ต้นที่สวยด้วยก้านบานกิ่งโบก
ดูเศร้าโศกเพราะคนเกินทนไหว
เพียงสนองกิเลสเหตุจากใจ
คนอะไรไหนประเสริฐ ว่าเลิศนัก

บ้านริมโขง

~๐๐ ผู้ท้าฝน ๐๐~

ขอบคุณภาพจาก http://sv6.postjung.com


เปรียบสายฝนบนฟ้าคราหล่นชุก
เป็นความทุกข์สุกงอมพร้อมหล่นร่วง
คนบนดินผินหลบไม่ซบทรวง
กลัวเสื้อผ้าเปียกป่วงห่วงร่างตน

ต่างกำบังรั้งร่มเข้าห่มกั้น
กลัวทุกข์นั้นมันเปื้อนเกลื่อนกายหม่น
แต่ไม่อาจหลีกหลบได้จบจน
ไม่โดนฝนล้นหลากจากฟากฟ้า

ทุกข์เปื้อนตนเพียงน้อยคอยคิดหลบ
ไม่อยากซบซุกซ่อนให้อ้อนหา
เหมือนหลบฝนเพียงนิดติดบางครา
แต่โดนฝนทั้งห่า กลับกล้าลุย

เดินตากฝนตากทุกข์เข้าคลุกเคล้า
ถลุงเอามาสิ้นกลิ่นดินขุย
ไม่กลัวแล้วแนวไหนใช่ว่าคุย
ตายเป็นปุ๋ยยังกล้าท้าโรมรัน

ถึงที่สุดหยุดยั้งตรงฝั่งไหน
เราหรือใครไหนเล่าเข้าบากบั่น
เปียกเพราะตนฝนมากหากจาบัลย์
ไม่มีวันรู้สุขเมื่อทุกข์ครอง

เดินตากฝนแสนชื่นยืนอ้าแขน
ฝนจากแถนมาเลยไม่เคยหมอง
จะกี่ห่าท้าสู้อยู่ลำพอง
ทุกข์สนองร้องลั่น..มันแค่นี้..

๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

~@ หยาดเหงื่อ @~


ทุกชีวิตต้องสู้เพื่ออยู่รอด
ใครไหนกอดทรัพย์พามาให้เห็น
มาแต่ตัวใช่ไหมในประเด็น
จะลำเค็ญเช่นใครไหนไม่มี

จะเพื่อตนเพื่อใครให้ยืนหยัด
ตามถนัดจัดสร้างต่างศักดิ์ศรี
จะยากจนข้นแค้นแสนมากมี
ก็อยู่ที่ปัญญาพากระทำ

สร้างครอบครัวตัวตนเหมือนคนอื่น
ต่อเมื่อยืนขึ้นได้ร่างกายล่ำ
ต้องมีฐานการก่อตามต่อนำ
จึงจะค้ำครอบครัวและตัวเอง

ไม่มีใดได้สมพนมขอ
ไม่มีใครให้พอต่อจนเก่ง
ไม่มีเทพองค์ใดให้ครื้นเครง
ไม่มีเพลงใดฟังกระทั่งตาย

มีหยาดเหงื่อเล้าโลมชโลมร่าง
ขาดเหงื่อต่างผิวแห้งแล้งความหมาย
เหงื่อคือรู้ยังอยู่คู่เคียงกาย
สิ้นเหงื่อวายกลายกลับลับชีวา..

๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖

~@ ปลอบใจ @~

เหมือนปลอบใจให้แกร่งมีแรงสู้
เหมือนรับรู้อุปสรรคตระหนักสิ้น
เหมือนเตรียมตนเตรียมใจไม่ยลยิน
เหมือนถวิลเพียงหมายถึงปลายทาง

กำลังใจจึงก่อต่อไม่เว้น
หัวใจเต้นอย่างคะนองลำพองบ้าง
เพื่อต่อกรอริผลิเงาจาง
กว่าฟ้าสางอย่างแสวงแสงรพี

คือสติดำริมั่นวันก้าวผ่าน
คือดวงมานนั้นกร้านต้านเสียดสี
คือพยัคฆ์รอเหยื่อเพื่อชีพมี
คือสิ่งดีที่ปรับระดับคน

จงก้าวไปเถิดหนาเดินหน้าสู้
จงก้าวไปในหมู่ผู้สับสน
เป็นผู้นำปัญญาฆ่าความจน
เป็นผู้นำ..คำค้น..สร้างตนเอง..


~@ แมงมุม @~

ขอบคุณภาพประกอบกจาก www.thaigoodview.com/files/u61285/17728.gif&imgrefur

แมงมุมขยุ้มขา
ทุกเวลาขยุ้มใย
มองดูผู้เป็นไป
เดินติดใยไม่รู้ตัว

เยื่อใยล้วนว่าดี
แมงมุมมีมากมายทั่ว
ชักใยไหวระรัว
วางเป็นแพแลระริก

เป็นใยให้อาหาร
ใดมาพานซ่านกระดิก
แมงมุมซุ่มคอยพลิก
ไม่หยิกเย้าเข้าไปกิน

เยื่อใยในมนุษย์
แผ่กว้างสุดผุดถวิล
มากล้นคนไหลริน
มาดื่มกินไม่สิ้นใย

แต่เราเฝ้าห่วงหา
ฝันทุกคราว่าวันไหน
หนึ่งนางวางเยื่อใย
ห่อห้อมใจฉันไปที..