หน้าแรก

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ในฝันพี่


ในฝันพี่
.
กราบขอพรวอนอินทร์ยินขอสม
กราบองค์พรหมห่มห่อต่อองค์ศรี
กราบเทวาพาซึ้งหนึ่งเทวี
กราบสามทีพี่ค้อมน้อมสามองค์
.
หมายให้หลับซับฝันนั้นให้สุข
หมายปลื้มปลุกรุกดื่มให้ปลื้มส่ง
หมายสองเราเฝ้าใฝ่ให้สองคง
หมายดำรงคงมั่นฝันดำเนิน
.
ต่อแต่นี้มีเราเฝ้าแต่ก่อน
ไม่ห่างอ้อนวอนว่าอย่าห่างเหิน
ต่อไกลกันผันพลาดอาจไกลเกิน
ยังไม่เมินเดินต่อรอไม่ลา
.
สำนึกนำพร่ำหวังดั่งนึกน้อม
อยากฝันพร้อมล้อมรักจักฝันหา
จะกลับหมอนนอนใหม่ให้กลับมา
จวบตื่นตาพาฝันนั้นตื่นตัว
.
เถิดคนดีที่ซึ้งหนึ่งคนนี้
รักสุดที่มีใจให้สุดขั้ว
ไม่หมองหมางร้างลับจับหมองมัว
เสียงยังรัวหัวใจ..ให้ยังจำ
.
ในฝันพี่มีน้องครองฝันใฝ่
สุขเกินใครไหนล้นจนเกินกล้ำ
ในฝันพี่มีเจ้าเฝ้าฝันนำ
แสนชื่นฉ่ำพร่ำพรอด..กอดชื่นใจ
......
 45
กลบทเสือซ่อนเล็บ + กลบทเทพชุมนุม
.
กลบทเทพชุมนุม
บังคับให้คำที่สามสัมผัสกับคำที่สี่
และคำที่ห้าสัมผัสกับคำที่หก หรือเจ็ด ทุกวรรค



รู้ให้ทันนั้นหน้ากาก


รู้ให้ทันนั้นหน้ากาก

โคลงโลกนิติ
๏ มดแดงแมลงป่องไว้ .......พิษหาง
งูจะเข็บพิษวาง .................แห่งเขี้ยว
ทรชนทั่วสรรพางค์ ................พิษอยู่
เพราะประพฤติมันเกี้ยว .........เกี่ยงร้ายแกมดี ฯ

.
สรรพสัตว์จัดร่างทุกอย่างคง
หาสิ่งใดไหลหลงลงผิดที่
ตรงไหนร้ายหมายฤทธิ์พิษใดมี
ต่างบ่งชี้แน่นัก ลักษณะนำ
.
แต่มนุษย์สุดทนสับสนเหลือ
เรือนร่างเจือจากจินต์ถวิลร่ำ
เกลือกกลั้วกาลบานบิดอิดอ้อนอำ
ตัวชุ่มฉ่ำล้ำเหตุกิเลสครอง
.
ไม่อาจแลแค่ตาแล้วหาพบ
ไม่อาจจบจากหน้านัยน์ตาผ่อง
ไม่อาจจริงจากกายคล้ายเนื้อทอง
ไม่อาจมองเพียงครั้งแล้วนั่งชม
.
รู้เพียงหน้าหาไม่ รู้ใจนั้น
ล้วนสำคัญควรคู่ดูให้สม
หยั่งน้ำใจไม่ถึงหนึ่งคำคม
หยั่งอารมณ์ข้องขัดเกินจัดการ
.
รู้ให้ทันนั้นเพียงสำเนียงสั่ง
ใครบ้างยั้งหยุดอยู่สู่สถาน
เพียงเตือนตนบนใจให้ประมาณ
อย่าลนลานลิ่วลู่สู่กองไฟ
.
เพราะพิษผองครองร่างกระจ่างผล
ล้วนทุกคนควรค่าคราขานไข
ต่างระวังพลั้งเผลอ ยามเจอใคร
หน้ากากใส่สวมหัว งามทั่วกัน
.



“ครับ” ทุกครั้งยามฟังเมีย


“ครับ” ทุกครั้งยามฟังเมีย
.
เหมือนมากมายหลายคำนำมาอ้าง
เหมือนทุกอย่างย้ำค่าอย่าสับสน
เหมือนวจีดีเหลือเมื่อเยี่ยมยล
เหมือนซ่อนกลเกลาเกล็ดเผด็จการ
.
คงเป็นกรรมย้ำชายผู้หมายมั่น
เมื่อก่อนนั้นสรรคำลำนำหวาน
รัวคำรักหนักแน่นแสนชื่นบาน
เธอสะท้านทั้งสะเทือน..เหมือนระทวย
.
เพราะว่า “เชื่อ” เหลือล้นจนกอดเกี่ยว
กลายเป็นทองแผ่นเดียวยามเหลียวสวย
เธอแบนราบนาบนวลล้วนเอออวย
เป็นเพราะด้วยได้ “เชื่อ” เมื่อชายวอน
.
เราถลำล้ำรสทุกหยดหยาด
เราจึงพลาดพลั้งเผลอยามเธอสอน
เธอชี้นก..เรานก ห้ามตกคอน
เธอบอกนอน เรานอน ไม่ย้อนคำ
.
ยามใดเชื่อเหลือรับกับความสุข
เธอปลอบปลุกคลุกกายหลายอิ่มหนำ
เพลิดเพลินดังฟังเพลงบรรเลงนำ
เสียงอ้อนอำเอ่ยเอื้อนสะเทือนพรหม
.
ขอเชื้อเชิญชาวชายที่หมายรัก
จงพร้อมพรักปักจิตอย่าคิดขม
จงเชื่อเมียเสียสิ้นถิ่นอุดม
ตอบ “ครับผม” ทุกครั้ง แล้ว ฟังเมีย..
.



เตรียมการ


เตรียมการ
.
เคล็ดลับของชีวิตคือเป็นอิสระจากความกลัว
ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต ไม่ว่าจะเป็นเราหรือเจ้า

.
ปลงเพราะเห็นเป็นผลอยากพ้นผ่าน
ปลงเพราะการถือครองต้องรู้หนัก
ปลงเพราะกลัวตัวล้าอยากลาพัก
ปลงเพราะรักร้างรสเป็นบทลา
.
ต่อตามวันนั้นเดินดุจเหินหาว
จะกี่ก้าวกงกรรมที่นำหน้า
แม้นไม่รู้หมู่ใดไหนนำพา
ยังก้าวขาข้ามเขินเผชิญไป
.
ล้วนมืดมนคนขับแสนสับสน
ปิดตาตนบนนทีที่รี่ไหล
จะขวากหนามตามตอจะท้อใย
อนาคตมีใคร ไหนรู้ดี
.
จึงวางของกองลงปัดปลงแบ่ง
เพื่อเบาแรงเราก้าวดังกล่าวนี่
ไม่แบกหนักหักโหมโถมท่าที
ให้แรงมีมุ่งหมายถึงปลายทาง
.
เพื่อจิตใจใสเย็นเป็นอิสระ
ปลดพันธะละชั่วเป็นตัวอย่าง
สิ่งเมามัวพัวพันใดกั้นกลาง
เปิดฉากล้างบางบทลดอาทร
.
ไม่มีใครไหนเอ่ยเคยล่วงรู้
ใดคอยอยู่เยี่ยมยลบนสังหรณ์
มีแต่ชี้ที่ใจให้สังวร
เตรียมการก่อนห่อนเศร้า..ยามเขาเมิน.
.


บ้านริมโขง

ณ ตรงนี้มีนิยาม


ณ ตรงนี้มีนิยาม
.
เป็นลานฝันบรรจบมาครบครอบ
เป็นคำตอบต่อกันปันสุขี
เป็นศาลาท่าน้ำย่ำราตรี
เป็นแสงสีมีฝันร่วมบรรเลง
.
เหน็ดเหนื่อยงานปานใดไม่เลยหลง
ยังตั้งตรงตามต่อทอแสงเปล่ง
แสนเหนื่อยล้าอารมณ์ขมตัวเอง
ยังเลบงเพรงกานท์สานสัมพันธ์
.
ต่างซึมซับรับรู้ทุกผู้เพื่อน
คอยย้ำเตือนต่อใจให้ขยัน
เอื้ออาทรผ่อนผลล้นอนันต์
เรามีกันกอดเกี่ยวคอยเหลียวแล
.
เหมือนเรือนชานบ้านเดียวไม่เปลี่ยวเปล่า
ทุกวันเฝ้าฝากสุขปลุกกระแส
โอบอุ่นไอให้กันไม่ผันแปร
สุขทุกข์แก้ก่อนกลุ้ม มาสุมทรวง
.
มีความรักผลักผลไม่หม่นหมาง
รักไม่จางจากกันทุกวันห่วง
คือความหวังตั้งเสริมเติมเป็นพวง
เปรียบเดือนดวงส่องสายประกายงาม
.
ณ แหล่งนี้ที่เราเคล้าคลอคู่
ยืนยันอยู่ยามหวนชวนไหวหวาม
ณ ตรงนี้ที่เรามาเล่าความ..
ตั้งนิยามแห่งรัก..ปักดวงแด...
.




หวานทุกคำ ฉ่ำทุกพจน์


หวานทุกคำ ฉ่ำทุกพจน์
.
ทุกถ้อยคำพร่ำปรุงด้วยมุ่งหมาย
สารสื่อสายสองเราเร้าสุขี
ภาษาใจไร้พิษมิตรไมตรี
ต่างถ้อยทีทอฝันมั่นอุรา
.
เป็นน้ำทิพย์หยิบยื่นทุกคืนค่ำ
ร่วมดื่มด่ำด้วยรักกันนักหนา
ทอแสงทองผ่องใสไม่แรมรา
แต้มแต่งฟ้าพราวพริ้งด้วยจริงใจ
.
ช่างเฉิดโฉมโลมร่างสะอางอ้อน
ชวนอาทรท่วงทีที่แจ่มใส
ช่างเลิศลักษณ์พักตร์พริ้งเกินหญิงใด
แสนหวั่นไหวหวิวหวาด..งามบาดทรวง
.
สุดสวาทมาดหมายดั่งสายสวรรค์
ที่เลือกสรรสมสร้างไม่ต่างสรวง
สุดสุขแสนแม้นสมชื่นชมดวง
คือคู่ควงคล้องแขนแดนฉิมพลี
.
แม้นคำหวานปานใดก็ไม่เท่า..
หวานจากเจ้าแจ่มจันทร์นั้นเลยนี่
แม้นน้ำตาลหวานล้นพ้นมากมี
ไม่เท่าหวาน “คนดี” คนนี้เลย
.
จึงทุกถ้อยร้อยร่ำไม่ต่ำหวาน
วัดระดับน้ำตาล คำขานเผย
ต้องปรุงแต่งแข่งเธอเสมอเลย
ทุกคำเอ่ย..จึงหวาน..สะท้านกาย
.



กอดภาพอาบฝัน


กอดภาพอาบฝัน
.

ยามใดเลือน ยลเดือนลา ฟ้ามืดแสง
มองหล้าแหล่ง มากแรงเร้า เงาสับสน
คืนมืดเยือน คอยเหมือนยัง ให้กังวล
คิดจึงหม่น คอยจนเหม่อ เพ้อรำพัน
.
คำนึงคอย คงน้อยครั้ง ไม่นั่งเศร้า
เกิดความเหงา ก่อเค้างาน ผ่านเขตขันธ์
คราไกลห่าง ครวญกลางหาว ร้าวจำนรรจ์
มองภาพฝัน เมื่อผันฝาก จากการคอย
.
คงย้ำเตือน คอยเยือนตาม ทุกความฝัน
ยามไร้จันทร์ ยังรัญจวน หวนละห้อย
เพียงภาพนี้ พอพี่นำ ล้ำเลิศลอย
คารมถ้อย คงร้อยทาง อยู่กลางใจ
.
กอดเพียงลม ก่อนพรหมลา ศรัทธาสิ้น
กอดผ่านจินต์  กลัวผินจาก มากหวั่นไหว
กอดเรือนกาย เกินร่ายกานท์ หวานเพียงใด
กอดรักใคร กว่าไร้ครวญ แทบซวนซม
.
กลบทระลอกแก้วกระทบฝั่ง




หมายสุขสันต์ครั้นอรุณ


หมายสุขสันต์ครั้นอรุณ
.

บินลัดฟ้าฝ่าฝันสูงดั้นเมฆ
ดั่งมนต์เสกฤทธิ์แรงร่วมแต่งแต้ม
เพลิดเพลินทางข้างหน้าแสงฟ้าแซม
งามแฉล้มร่าเริงบันเทิงเทียว
.
จวบตะวันนั้นคล้อยลอยลับโลก
เห็นเงาโศกสีดำระกำเกี่ยว
มองมืดมิดจิตท้อหนอตัวเดียว
นกเปล่าเปลี่ยวปีกล้าน้ำตาคลอ
.
ผวาหวิวลิ่วลมระบมร่าง
หลงทิศทางท่องเที่ยวเกี่ยวใดหนอ
หาทางกลับจับคอนแรมรอนรอ
ไม่พบพ้อพลาดผล..วนวังเวง
.
สำนึกหมายคล้ายวันฝันยามตื่น
อกขมขื่นขาดแสงที่แรงเปล่ง
ระทมท้อหนอฝันร่วมบรรเลง
พบแต่เพลงผิดหวังมาหลั่งโลม
.
นกพลัดถิ่นบินวนบนเวหา
ท่ามนภาเพียงหมายสายแสงโสม
กลับถูกลมข่มซัดลัดโพยม
เข้าถาโถมทางหมายให้วายปราณ
.
อยากบินได้ไขว่คว้าเอามาปลอบ
วางเขตขอบรอบเจ้าเฝ้าขับขาน
บรรเลงร้องพ้องเสียงสำเนียงกานท์
สองประสานสร้างสรรค์..ครั้นอรุณ
.



เน่าก่อนตาย


เน่าก่อนตาย
.

ยากทำใจให้นิ่งกับสิ่งเห็น
เกิดประเด็นในจิตอย่างผิดหวัง
เพราะเหตุใดไร้ทางล้างพลัง
ขาดมนต์ขลังขับเคลื่อนเหมือนสิ้นทาง
.
ใช้ภาษามาสื่อเครื่องมือมุ่ง
ควรปรับปรุงอย่างไรไม่หม่นหมาง
เมื่อมีถามตามตอบเป็นกรอบวาง
ย่อมกระจ่างใจแท้ทุกแง่มุม
.
แต่ที่เห็นเป็นสัตว์จัดแรงสู้
ตามฆ่าหมู่หมายปองตายกองสุม
สาแก่ใจใครฆ่าพากันรุม
แบ่งเป็นกลุ่มกั้นคอกบอกสังคม
.
เหมือนเป็นผลคนเปลี่ยนเพี้ยนทั้งโลก
สร้างแต่ความเศร้าโศกโขลกถุยถ่ม
คนเห็นคนใช่คนบนอารมณ์
อำนาจข่มจมดิน สิ้นใยดี
.
อยากเป็นใหญ่ใครคร้ามขามอำนาจ
เป็นเชื้อชาติพยัคฆาน่าบัดสี
เหมือนไม่ตายวายปราณมารอัปรีย์
เหมือนโลกนี้ของข้าใครอย่าโวย
.
ช่างลืมตัวกลั้วกลมนต์กิเลศ
แสนอาเพศเฉดฉลคนหิวโหย
หลงอำนาจชาติคนล้นเล่ห์โปรย
กลิ่นเน่าโชยโรยหนอน ก่อนตัวตาย
.



จึงเปิดปม


จึงเปิดปม
.
จึงเปิดใจ ให้เห็นประเด็นอ้าง
จึงเปิดใจ ทุกอย่างกระจ่างสม
จึงเปิดใจ ใส่เสริมเติมอารมณ์
จึงเปิดใจ จ่อมจมเพียงชมนาง
.
ไม่อยากพลาด ขาดฝันสรรค์สร้างสุข
ไม่อยากพลาด ความสนุกทุกวันว่าง
ไม่อยากพลาด อาจเห็นเป็นช่องทาง
ไม่อยากพลาด วาดวางห่างฉิมพลี
.
อาจหลุดมือ ถือมั่นผันแปรเปลี่ยน
อาจหลุดมือ สื่อเขียนคอยเพี้ยนสี
อาจหลุดมือ คือนวลป่วนไมตรี
อาจหลุดมือ เพราะมีวจีใคร
.
มากคารม คมคำที่นำล่อ
มากคารม เป็นต่อถ่อถมใส่
มากคารม ขมถ้อยคอยสุมไฟ
มากคารม สมใจให้ร้างลา
.
จึงเปิดใจ ไร้ปมไร้คมซ่อน
จึงเปิดใจ ไว้ก่อนไม่ซ่อนหา
จึงเปิดใจ ให้เห็นเย็นอุรา
จึงเปิดใจ ใส่ค่า..ว่า รักเธอ
.
ขอเกี่ยวก้อย คอยห่วงดวงใจฉัน
ขอเกี่ยวก้อย ร้อยฝันปันเสนอ
ขอเกี่ยวก้อย ถ้อยทีมีบำเรอ
ขอเกี่ยวก้อย ก่อนเพ้อ เผลอคร่ำครวญ..
.