หน้าแรก

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กลบทจตุรงคประดับ ริมโขงเอย







ริมโขงเอย
.
ริมโขงนั้น ปันสองฝั่ง สองฝันฝาก
ริมโขงลาก แลไกลกัน กว่ากั้นถึง
ริมโขงเอย เอ่ยอ้อนคำ อ้อนรำพึง
ริมโขงจึง จำต้องเฝ้า ต้องใฝ่ปอง
.
ยามน้ำล้น คนต้องใกล้ ต้องไกลจาก
ยามน้ำหลาก หลบเร้นทาง ห่างทั้งสอง
ยามน้ำน้อย คอยนั่งเหงา นั่งเฝ้าคลอง
ยามน้ำนอง นอนระทม ระทวยใจ
.
ครวญคิดถึง หนึ่งนวลคือ นวลสื่อสาร
ครวญคิดผ่าน ผันคำสวย ด้วยเสียงใส
ครวญคิดครอง ปองสวรรค์ สวาทวิไล
ครวญคิดใคร่ คอยสนอง ทำนองเพรง
.
ร้อยเรียงคำ ฉ่ำอารมณ์ อาลัยหา
ร้อยเรียงค่า คราหมายปอง คล้องเป็นเข่ง
ร้อยเรียงร่าย หลายบทบรรณ บทบรรเลง
ร้อยเรียงเอง อ้อนออดคำ พร่ำคอยเคียง
.
โขงยามนี้ มีมาพร้อม มาพ้องฝัน
โขงยามนั้น นำเราสอง ซ้องสอดเสียง
โขงยามใด ได้รินร่ำ รินร้อยเรียง
โขงยามเที่ยง ทอแสงงาม ครามเงินยวง
.
ฝั่งโขงเอย เลยรักเจ้า รักจอมจิต
ฝั่งโขงคิด คำนึงคล้อย ด้วยคอยห่วง
ฝั่งโขงอยู่ คู่เคียงกัน เคียงกอดควง
ฝั่งโขงพ่วง พิศวาส วางวาดภิรมย์๚ะ๛
☆✾☆

กลบทจตุรงคประดับ
จากตำรากลบท ศิริวิบุลกิตติ์ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)
.
การแต่ง : เขียนเป็นกลอนเก้า
ให้นำคำ “สองคำ” มาเป็นกระทู้ยืนในบทนั้น
แล้วเปลี่ยนกระทู้ยืนเป็นซ้ำคำอื่นสองคำเช่นนี้เรื่อยไป
จนจบเนื้อความที่ต้องการแต่ง
ในวรรคที่ ๑ และ ๓ ให้มีสัมผัสสระชิดระหว่างช่วงแรกกับช่วงกลาง
และ คำที่ ๕ กับ ๗ เป็นคำซ้ำกัน ,
ในวรรคที่ ๒ และ ๔ ให้คำที่ ๖ และ ๘ สัมผัสอักษรกัน
.
บ้านริมโขง


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น