“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย
ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”
......
เพียงบางคนหม่นหมองยามต้องจาก
การพลัดพรากฝากฤทธิ์เกิดพิษหนัก
แสนอ้างว้างกลางโลกเศร้าโศกนัก
ดั่งหลุดหลักหักทิ่มปริ่มน้ำตา
.
“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย
ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”(จากขุนช้างขุนแผน)
ยามนั้นใครไหนปองครองปัญญา
สำนึกค่าสาสมอารมณ์ตน
.
จึงความรักปักใจนั้นใหญ่ยิ่ง
เป็นความจริงหญิง-ชายเสียดายผล
รักเริ่มก่อต่อตามหวามกมล
หากปี้ป่นล้นเศร้าทั้งเขา-เธอ
.
มองก้นบึ้งหนึ่งใครที่ใฝ่ฝัน
ว่าสักวันมั่นใจไว้เสมอ
ได้ครองคู่อยู่สร้างต่างปรนเปรอ
หวังเลิศเลอเจอล่มล้มทั้งยืน
.
ไม่โทษใครโทษเขากรรมเก่าหนุน
คนสิ้นบุญขุ่นข้นเหลือทนฝืน
ชะตาต่างวางแล่นแสนกล้ำกลืน
รักไม่ชื่นคืนค่ำหนอกรรมเวร
.
แม้แต่เราเจ้าข้าใช่ว่าสุข
รักล้นทุกข์คลุกคลอหนอต้องเผ่น
โบกมือลาล่าไปไม่จมเลน
แล้วไม่เข่นเช่นหมาย..ทำลายตน
.
ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”
......
เพียงบางคนหม่นหมองยามต้องจาก
การพลัดพรากฝากฤทธิ์เกิดพิษหนัก
แสนอ้างว้างกลางโลกเศร้าโศกนัก
ดั่งหลุดหลักหักทิ่มปริ่มน้ำตา
.
“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย
ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”(จากขุนช้างขุนแผน)
ยามนั้นใครไหนปองครองปัญญา
สำนึกค่าสาสมอารมณ์ตน
.
จึงความรักปักใจนั้นใหญ่ยิ่ง
เป็นความจริงหญิง-ชายเสียดายผล
รักเริ่มก่อต่อตามหวามกมล
หากปี้ป่นล้นเศร้าทั้งเขา-เธอ
.
มองก้นบึ้งหนึ่งใครที่ใฝ่ฝัน
ว่าสักวันมั่นใจไว้เสมอ
ได้ครองคู่อยู่สร้างต่างปรนเปรอ
หวังเลิศเลอเจอล่มล้มทั้งยืน
.
ไม่โทษใครโทษเขากรรมเก่าหนุน
คนสิ้นบุญขุ่นข้นเหลือทนฝืน
ชะตาต่างวางแล่นแสนกล้ำกลืน
รักไม่ชื่นคืนค่ำหนอกรรมเวร
.
แม้แต่เราเจ้าข้าใช่ว่าสุข
รักล้นทุกข์คลุกคลอหนอต้องเผ่น
โบกมือลาล่าไปไม่จมเลน
แล้วไม่เข่นเช่นหมาย..ทำลายตน
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น