หน้าแรก

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หวานสุดสุด


หวานสุดสุด

หวานคารมสมคำคนฉ่ำหวาน
จนสะท้านขานขับกับอกเอ๋ย
เมื่อได้ฟังสั่งคำพร่ำภิเปรย
เกินเฉลยเผยอ้าง..คนข้างเคียง

หวานป่านนี้มีไหมใครไม่รัก
หวานล้นหลักปักถือ..หรือใครเถียง
หวานเห็นชื่อคือหวานขานสำเนียง
หวานไล่เรียงเสียงเจ้ายิ่งเร้าใจ

บ่อน้ำตาลบานฉ่ำล้ำเลิศหรู
ยอดพธูผู้ครองน้องสดใส
ช่างสมส่วนล้วนเสริมเติมเข้าไป
คราเคียงใกล้ได้อาบกำซาบทรวง

มากพจีที่เขียนเพียรสื่อสาร
เป็นหลักฐานขานขับให้รับช่วง
ว่าเธอหวานปานใดใช่ลับลวง
โอ้..พุ่มพวง ดวงใจ..อยากใกล้นวล


"บ้านริมโขง"

เหมือนไม่ห่าง..แม้ต่างแดน


เหมือนไม่ห่าง..แม้ต่างแดน

เหมือนไม่ห่างต่างดินถิ่นสถาน
เหมือนดั่งบ้านเดียวกันอันผ่องแผ้ว
เหมือนฟ้าต่ำดินสูงจูงจับแนว
เหมือนดั่งแก้วเจียรนัยได้เนื้อเดียว

เมื่ออยากเห็น เห็นแล้วแนวสุขสม
แสนภิรมย์ดมดอมน้อมแลเหลียว
เป็นไปอย่างใจหวังคลั่งไคล้เชียว
เฉิดเฉลียวเกลียวกลืนชื่นสัมพันธ์

เพียงรอวันนั้นหวนมาทวนทบ
เพียงได้พบสบรักอันฝักฝัน
เพียงไม่นานผ่านไปไม่กี่วัน
เพียงแค่นั้นลั่นเลื่อนเมื่อเคลื่อนรัก

ฟังกระหึ่มครึ้มใจใส่คำร้อง
ฟังทำนองพ้องคำย้ำแน่นหนัก
ฟังกี่ครั้งยังเพลินเกินเลิศลักษณ์
ฟังคึกคักสักขีที่อวยพร


"บ้านริมโขง"

เหมือนอำพราง..



เหมือนอำพรางข้างกายมีชายหนึ่ง
ที่สุดซึ้งตรึงทรวงทุกช่วงหนอ
ส่งแต่คำฉ่ำหวานสะท้านจอ
มาพะนอพ้อพรอดตลอดกาล

คนรักห่างต่างฟ้าลับตาเห็น
ในประเด็นเป็นผลทนขับขาน
กลั่นวจีรี่เรียงเผดียงมาน
เติมอาการหวานจับขับลำนำ

รักนี้หนอก่อผลบัดดลนั้น
ดั่งสวรรค์ลั่นเลื่อนเคลื่อนลงต่ำ
มาช้อนร่างนางนวลผู้ครวญคำ
ได้เยือนย้ำฉ่ำหวานพิมานแมน

ถึงเหมือนรอต่อทางที่ห่างนั้น
แต่ทุกวันสรรสร้างวางแบบแผน
ให้คนไกลใกล้นวลดั่งชวนแฟน
สู่อ้อมแขนรักกัน..ก่อนวันเจอ


"บ้านริมโขง"

ยังคงคอย



ยังคงคอย

เติมอักษรป้อนวางอย่างใจนึก
ด้วยรู้สึกลึกมากจากจุดศูนย์
สื่อจากหนึ่งซึ่งนำดั่งค้ำคูณ
เจิดจำรูญพูนเพิ่มเติมอาทร

เสริมอารมณ์บ่มหวานให้ซ่านซ่า
ส่งสายตาว่าซึ้งถึงสมร
เผยวจีรี่ไหลให้สัญจร
ถึงบังอรวอนหวานประสานใจ

มีสัมผัสจัดตามช่างงามเหลือ
องค์เอวเนื้อ เรื่อนวล ชวนหวั่นไหว
ชมพูแก้มแย้มยิ้มพิมพ์วิไล
ยามชิดใกล้ได้กลิ่นรินรัญจวน

โอ้..แม่งามยามนั้นฝันระทึก
เดือนดาวดึกตรึกตรมระทมหวน
ยิ่งว้าเหว่เทท้นกมลรวน
คืนฟ้าครวญป่วนปน..อีกฝนเท

สาดซู่เสียงเบี่ยงบ่ายสายฝนส่ง
ดั่งราดลงตรงใส่ให้หันเห
แต่ใจเอยเคยเคียงไม่เอียงเซ
ร้อยฝนเล่ห์เหให้ไม่ไหวเอน

ยังคงคอยเคียงคู่ชื่นชู้สม
ยังนิยมชมชอบมอบดาวเด่น
ยังคงรักเหลือล้นจนชัดเจน
ยังคงเฟ้นเช่นนวลที่ควรครอง..


"บ้านริมโขง"

อยากเห็น..เป็นไป




อยากเห็น..เป็นไป

อยากรวบร่างมากอดแม่ยอดรัก
อยากสลักคำหวานสารสู่สรวง
อยากให้ยินโลกสามนามแดดวง
อยากรักล้นบนทรวงเต็มดวงฤดี

อยากประคองปองนวลลงหวนหอม
อยากถนอมเนื้อนางอย่างสุขี
อยากอ้อนคำรำพันกลั่นวจี
อยากพิมพ์พักตร์ลักษณ์ฉวี..ที่กลางใจ

กอดแนบนวลเนื้อนางอย่างสุขสม
กอดเชยชมโฉมเจ้าโลมเล้าให้
กอดเนิ่นนานกาลกลับแม้ลับไป
กอดเธอไว้ให้แน่นกลางแก่นทรวง

จากสื่อภาพวาบหวามงามผ่องผุด
แสนพิสุทธิ์ฉุดฝันวันสู่สรวง
จากภาพวางอย่างนั้นมั่นแดดวง
จะเติมรักพุ่มพวงควงเนื้อนวล

คืนฟ้าเงียบเฉียบเย็นไม่เห็นหน
ในกมลล้นรักสลักหวน
มีเพียงหนึ่งคนดีที่ชื่นชวน
ในอกอวลล้วนแรงแห่งไมตรี

เกินหาคำฉ่ำใดมาไขค่า
แสนมธุรสอักษราหาใดที่
จะบรรยายหมายคำพร่ำวาที
ได้สาสมคมกวี...วจีนำ


"บ้านริมโขง"
๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗

ทวงสัญญาคราเหมันต์


ทวงสัญญาคราเหมันต์
.
ฝนจากฟ้าถาโถมโหมกระหน่ำ
เป็นประจำย้ำเยือนเหมือนทุกสิ่ง
ส่งสัมผัสจัดให้ไม่ประวิง
ไม่หยุดนิ่งยิ่งสู่ฤดูกาล
.
สัมผัสฝนจนฉ่ำมากคำไข
ซับกลิ่นไอในละอองซ้องสนาน
มีทั้งสุขทุกข์เคล้าเร้าดวงมาน
ดุจสายธารซ่านกระแสที่แปรไป
.
เมื่อวรรษาล้าแรงฟ้าแปลงเปลี่ยน
ลมหันเหียนเวียนว่ายปลายฟ้าใส
ฝนจางจากฝากเสียงสำเนียงไกล
เปลี่ยนแปรให้ใครหวนทวนความจำ
.
เคยสัญญาพาพลั้งไปครั้งหนึ่ง
ย้อนตราตรึงถึงวจีที่เพียรพร่ำ
จะหวนหามาพร้อมรักน้อมนำ
เสียงถ้อยคำร่ำไรเหมือนไหลเลย
.
ครบขวบปีมีฝันเหมันต์หวน
ใจรัญจวนชวนซึ้งจึงเฉลย
ทวงสัญญาครานั้นฝันชื่นเชย
หมายกอดเกยเอ่ยอ้อนย้อนวาจา
.
หวิวลมหนาวคราวนี้ฤดีหวัง
คงไม่พลั้งดั่งเก่าเฝ้าครวญหา
คอยซบไหล่ไล่ลมข่มหนาวพา
หวังไม่ลาล่าถอย..ให้คอยครวญ
.



คนตื่นในคืนฝัน


คนตื่นในคืนฝัน
.

ฝากน้ำนองท้องถิ่นดินชื่นฉ่ำ
ฝากถ้อยคำพร่ำบ่นคืนฝนไหล
ฝากรำพึงหนึ่งถวิลจากถิ่นไกล
ฝากถึงใครไฉนฝันรำพันพา
.
อาจรำลึกนึกย้อนวันก่อนเก่า
อาจคลอเคล้าเร้าทรวงให้ห่วงหา
อาจคืนนี้มีฝนหล่นลงมา
อาจคืนนี้มีฟ้าผ่าคำราม
.
จึงอยู่เดียวเปลี่ยวดายกายผวา
จึงอุราพาตื่นคืนไหวหวาม
จึงหวั่นหวาดขาดใครคนไร้นาม
จึงครั่นคร้ามยามอยู่ไร้คู่เคียง
.
เห็นลำพูลู่หล่นจากต้นทิ้ง
ผละจากกิ่งสิ่งเคยเอ่ยน้ำเสียง
ดุจฝนโปรยโรยละอองทำมองเมียง
สิ้นสำเนียงเพียงนั้นพลันจากลา
.
เป็นคืนฝันรันทดกำสรดเศร้า
เป็นคืนเฝ้าเร้าใจให้หวนหา
เป็นคืนฝนหม่นมัวทั่วนภา
เป็นคืนฟ้าถาโถมโหมระทม
.
คืนฝนพรำนำอดีตมาขีดเขียน
ถึงจะเปลี่ยนเวียนผ่านจนนานสม
ไม่ลืมเลยเคยอ้อนวอนสายลม
หวานฉ่ำฉมคมถ้อย ที่ร้อยเรียง
.



วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คือแสงจากแรงใจ


คือแสงจากแรงใจ
.
สิ้นสื่อแสงแรงใจใช้เป็นสื่อ
ให้โลกลือถือครองคล้องสืบสาย
ไม่มีวันผันเปลี่ยนวุ่นเวียนวาย
สมดั่งหมายปลายผลคนครองเคียง
.
สื่อแสงใดไหนเท่าเราสื่อสาร
สื่อคำหวานปานใดให้สุ่มเสี่ยง
สื่ออารมณ์บ่มฝันมีวันเอียง
สื่อเราเพียงเรียงรักสลักทรวง
.
ลมหายใจใสซึ้งหนึ่งสัมผัส
ดั่งรวมมัดรัดคู่เราสู่สรวง
ต่างก็ถือลือร่ำรำเพยพวง
ใจหนึ่งดวงควงร่างเคียงข้างกัน
.
แสงเพียงส่วนป่วนจิตยามคิดถึง
แสงเพียงหนึ่งตรึงตราพาใฝ่ฝัน
แสงเริงเร้าเผาใจให้รำพัน
แสงเพียงวันครั้นค่ำต้องจำลา
.
แต่แรงใจใสแจ้งแสงไม่ดับ
ส่งจ่อจับกับทรวงด้วยห่วงหา
สุดชีวิตติดตรึงซึ้งอุรา
ตราบชีวาถ้าลับจึงดับลง
.
เปิดปันสื่อถือมั่นวันสุขสม
รักภิรมย์ชมชอบตอบประสงค์
คือเสริมแสงแรงรสไม่ปลดปลง
รักดำรงตรงใจ..ใส่แสงทอง
.



บันดาลใคร


บันดาลใคร
.
มากมายยิ่งสิ่งสรรบันดาลผล
มากเหลือล้นคนคิดประดิษฐ์ถ้อย
มากทฤษฎีชี้ทางอย่างเลิศลอย
มากไม่น้อยปล่อยไปไม่นำพา
.
เหมือนมากมีชี้ทางวางคำสอน
เหมือนอาทรร้อนรนล้นห่วงหา
มากตั้งตนบนศาสน์เรียกศาสดา
มากศรัทธาค่าควรส่วนบันดาล
.
หมายให้ผู้อยู่ร่วมสำรวมผล
กาย,วาจา, ใจ-ตน บนสถาน
แล้วสืบต่อหน่อพันธ์อันตระการ
ตราบชั่วกาลนานเนื่องอย่างเฟื่องฟู
.
จึงมากมีที่เด่นต่างเฟ้นถ้อย
ประดิษฐ์สร้อยร้อยคำพร่ำสวยหรู
สร้างวาทะ สละสลวยอวยกันดู
ดุจดั่งรู้สู่ค่าภาษางาม
.
แต่หาใช่ไหนเลยคนเอ่ยอ้าง
จะเก่งอย่างวางคำที่ล้ำหลาม
จึงมากมีวลีย้ำให้ทำตาม
แต่ขอห้ามถามตน..คนสร้างคำ
.
จึงมากมีดีปากแต่มากเหลว
เกิดไฟเปลวเลวรุมสุมเช้าค่ำ
เสื่อมศรัทธาน่าอายคล้ายไม่จำ
พวกปากพร่ำต่ำจิต..พิษสังคม
.



รำโทน


รำโทน
.
ตามองตา    สายตาก็จ้องมองกัน
รู้สึกเสียวซ่านหัวใจ   จะมารักฉันก็ไม่รัก
จะว่าหลงฉันก็ไม่หลง   ฉันยังอดโค้งเธอไม่ได้
เธอช่างงามวิไล   ดอกไม้ที่เธอถือมา.
"ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น โท่น"
"ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น โท่น"
"ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น โท่น"
เสียงตะโพนดังก้อง จองคู่ใจ..
.
โค้งสาวงามยามนี้มากสีสัน
แจ้วจำนรรจ์ปันผลคนหลามไหล
ทั้งหญิงชายหมายคู่คนอยู่ไกล
ล้วนแจ่มใสในหมู่ อยู่ลพบุรี
.
เล่นรำโทน โท่นป๊ะ ปะคู่รัก
ให้วางพักงานก่อน วอนฉวี
รำมะนา ฉิ่ง กรับ รับกันดี
ฉาบเล็กนี่ที่สะบัดสกัดใจ
.
ทั้งผู้ร้องคล้องเสียงสำเนียงเร่ง
ลุกเขย่งเด้งรับขยับให้
งัดลีลาท่ารำกระหน่ำไป
หากมีใครไร้ท่า เขาว่าเชย
.
มายักเอวยักท่า หลิ่วตาให้
บ้างปากไวใส่คำร่ำเฉลย
บอกรักสาวกลางวงหวังลงเอย
ภิโธ่เอ๋ย..พ่อคุมหนุ่มระทม
.
รองานหน้าฟ้าใหม่ค่อยพบปะ
รำใหม่นะรำโทน โดนคู่สม
งามวจี ประเพณีที่นิยม
สุขพร่างพรมพร้อมหน้าประชาไทย
.



ฟ้าเปลี่ยนสี


ฟ้าเปลี่ยนสี
.
เจ็ดสีแสงแต่งแต้มแย้มสดสวย
เจ็ดสีด้วยช่วยชี้ที่กล่าวขาน
เจ็ดสีรุ้งปรุงโปร่งโค้งตระการ
เจ็ดสีงานการสะท้อนก้อนปริซึม
.
จากสีขาวใสแสงแจ้งเจิดแจ่ม
มากสีแซมแนมในไม่เคร่งขรึม
กระจายงามยามค่ำดุจงำงึม
ฟ้ากลับครึ้มทึมเทาเฝ้าฝนโปรย
.
คือแสงสีที่ฉาบมาอาบฟ้า
เปลี่ยนไปมาพาคนล้นระโหย
มีผลต่อหน่อดินรอรินโรย
ลมชวนโชยโดยทั่วเป็นตัวตาม
.
จึง “เมื่อฟ้า เปลี่ยนสี” นี้สำนวน
ดั่งปั่นป่วนครวญคร่ำในคำถาม
อะไรหรือคือเหตุเลศนิยาม
บ้างฟ้างามลามไหลไปฟ้าครวญ
.
เป็นเพราะฟ้าหาใช่ใจคงมั่น
ล้วนเหหันปั้นแต่งแสร้งเสสรวล
เป็นดั่งอ้อล้อลมยามชมชวน
สีแสงนวลหวนห้อมฟ้าพร้อมตาม
.
เกินจะมองท้องฟ้าผู้หล้าเลิศ
เธอหน้าเชิดเปิดตาน่าเกรงขาม
เธอสูงลอยคอยจับรับแสงงาม
เช้าสีครามยามเย็น..เป็นสีใด..
.

 55
แสงจากดวงอาทิตย์เป็นแสงขาว
ซึ่งประกอบด้วยแสง 7 สี ผสมอยู่ด้วยกัน
เราสามารถใช้ปริซึมแยกลำแสงขาวออกเป็นแสงทั้ง 7 สีได้
โดยจะเห็นเป็นแถบของแสงสีทั้งหมดเรียงติดกัน ...