หน้าแรก

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

~ดินกลิ่นเดิม~

 
กลิ่นดินเดิมเสริมส่งคงตรึงถึง
หลังยังซึ้งคะนึงนำคำชื่นฝืน
เกินเมินห่างวางเห็นเป็นอื่นกลืน
รักปักชื่นหมื่นตาลใดหวานนาน

ด้วยช่วยหมายคล้ายเฝ้าเข้ามองจ้อง
รินจินต์คล้องปองคู่อยู่สานขาน
ยากหากหักรักเล่นเป็นการทาน
ใดใครสานกาลกลับรับคำจำ

พึงตรึงทรวงห่วงไว้ด้วยใจใส
วอนอ้อนไว้ให้มั่นวันนำฉ่ำ
อย่าพาเพลินเดินหลงดงน้ำคำ
ข่าวคราวย้ำพร่ำพรอดกอดสิ่งจริง

เธอเจอฉันนั้นบุญคุณคงส่ง
จึงถึงจงบ่งเสริมเริ่มอิงหญิง
รักมักมอบตอบไว้ได้นิ่งพิง
ปรุงรุ่งริ่งรุ่ยร่ายก่อหมายคลาย

ดินกลิ่นเดิมเหิมห้อมยอมนำต่ำ
มากฝากล้ำคำชายทลายหมาย
ออดพรอดฟ้าคราเห็นเด่นรายกราย
แต่แลหายสายดิน..ถิ่นเฉยเคย.
 
 
 
กลบทอักษรสังวาส แต่ละวรรคคำที่ ๑-๒ สัมผัสสระ และคำที่ ๗-๘ สัมผัสสระ

~@ คนสวยช่วยโลก @~

 
โลกจะงามหวามไหวให้แลชื่น
ชนดาษดื่นตื่นด้วยช่วยไถ่ถาม
ว่าวันนี้ทุกหนบนเขตคาม
ได้ตอบตามโลกขอพอหรือยัง

โลกต้องการความสงบไม่รบฆ่า
โลกปรารถนาสามัคคีมีความหวัง
โลกต้องการงานสร้างวางพลัง
โลกคล้ายดังยังขื่นไม่รื่นรมย์

อยากให้คนสวยสวยรวยรูปลักษณ์
ได้เป็นหลักรักยื่นโลกชื่นสม
เมื่อโลกยิ้มคนยิ้มอิ่มเอมชม
ความโศกตรม..ไหนกล้ามาราญรอน

จึง..คนสวยวันนี้ที่โลกชื่น
อย่าเป็นอื่นคืนกลับจับหลอกหลอน
ให้อยู่ช่วยโลกสวยด้วยงามงอน
ยามโลกร้อนผ่อนเย็น...เห็นหน้าเธอ..
 

~@ งามสดใสให้ชื่นชม @~

 
งามสดใสให้ชื่นชม

งาม วาจาขานขับต่างรับรู้
งาม  รื่นหูสู่ซึ้งตรึงแดนสรวง
งาม ร้อยรสจรดมานหวานพุ่มพวง
งาม โชติช่วงดวงใจให้ตื้นตัน

สด จากใจใครมองต้องรู้สึก
สด สำนึกตรึกคำพร่ำสุขสันต์
สด อารมณ์บ่มเจาะไพเราะพลัน
สด มดนั้นถลันจอง..ทั้งสองนาง

ใส ในจิตคิดสรรรำพันสื่อ
ใส  ไหนคือดวงใจใสกระจ่าง
ใส  ดั่งแก้วแพรวพรรณไร้กั้นกลาง
ใส  นวลปรางสร้างสุขทุกคนมอง

ให้ หวงแหนห่วงหาทุกคราหวน
ให้  รัญจวนครวญถ้อยร้อยสนอง
ให้  ชื่นชมคมถ้อยในร้อยกรอง
ให้  ร่ำร้องก้องกู่ชูผลงาน

ชื่น  ไหนเท่าชื่นเจ้าเคล้าเคียงข้าง
ชื่น  ไหนบ้างวางปมสมสนาน
ชื่น  ไหนเลยชื่นเท่าเจ้าเรียงกานท์
ชื่น  ขับขานปานมนต์มาดลใจ

ชม  ด้วยจิตคิดแล้วแก้วผ่องเพริศ
ชม  บรรเจิดเลิศล้ำพร่ำขานไข
ชม  คนดีที่หนึ่งซึ้งเกินใคร
ชม  อย่างไร..ไหนกัน..สวรรค์ครวญ..

๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลอยลำตามเพลง

 
เปรมปรีดิ์มีรักชื่น          ล้วนเริงรื่นดื่นปรีดิ์เปรม
สุขสมพรหมเกษม         ซ้องรำพันวันสมสุข

รุกรับจับกระแส         งามท่วงแท้แลรับรุก
เกินใดไหนปลอบปลุก     เคียงคลอเคล้าเร้าใดเกิน

เมินมองต้องเศร้าสู่          พวกเพื่อนหมู่รู้มองเมิน
เดียวดายจนสายเกิน         กลับมากู่อยู่ดายเดียว

เกี่ยวก้อยร้อยรักหวาน       งามตระการหวานก้อยเกี่ยว
รักล้นคนใจเดียว        หนึ่งวิมลจนล้นรัก


ลอยลำตามเพลง


 
ไม่ลืมดื่มด่ำดำรง          ดำริอนงค์
อนึ่งซึ้งทรวงถวิล

ถวายกายใจไม่สิ้น           ไม่สูญเพลงพิณ
เพลงพาคราห่างพร่างพราย

พร่างพลิ้วลิ่วลอยคอยสาย      คอยสู่คู่กาย
คู่กันวันเก่าเราเคย

เราครองเคียงข้างอ้างเอ่ย        อ้างอิงยิ่งเชย
ยิ่งชอบตอบต่างวางใจ

วางจิตรักปลุกสุกใส         สุขสวยอวยชัย
อวยชื่นรื่นรมย์ชมนวล

ชมนางข้างกายหมายชวน        หมายชื่นรื่นรวน
รื่นเราเฝ้าคลอครองเคียง


เป็นแก้วตาและดวงใจ

เป็นแก้วตาและดวงใจ

เป็น ดั่งดวงจันทราคืนฟ้าผ่อง
เป็น ดั่งทองอร่ามงามสดใส
เป็น ดั่งแสงสุริยาฟากฟ้าไกล
เป็น ดั่งไฟไออุ่นให้ครุ่นครวญ

แก้ว คือนางปรางนวลล้วนเลอค่า
แก้ว แจ่มตาพาซึ้งตรึงสงวน
แก้ว ใสสดจดแจ้งลำแสงนวล
แก้ว ชื่นชวนล้วนหมายในสายใจ

ตา สบตามองซึ้งตรึงสวาท
ตา สองสาดแสงเร้าเฝ้าหวั่นไหว
ตา สวยสมคมคู่ดูวิไล
ตา แย้มนัยหน้าต่างสร้างไมตรี

และ สัมพันธ์ของคู่ร่วมชู้ชื่น
และ ยิ้มรื่นชื่นสุขทุกวิถี
และ หนึ่งน้องเท่านั้นมั่นฤดี
และ ทวีรักเพิ่มเติมนิยม

ดวง ใจนี้มอบให้ในหนึ่งน้อง
ดวง ใจปองครองมั่นวันสุขสม
ดวง ใจเคียงเพียงเจ้าเฝ้าภิรมย์
ดวง ใจสมบ่มรักภักดิ์เพียงเธอ

ใจ ห่วงหาพาฝันวันครองคู่
ใจ ยังอยู่คู่ชื่นยื่นเสนอ
ใจ มั่นคงดวงนี้ที่พบเจอ
ใจ จริงเพ้อละเมอถึง..ซึ้งทุกวัน

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

~@ ฝากหวัง สั่งใจ @~

 
 
ด้วยความรักความหลงคงความหมาย
ยังติดใจติดกายคล้ายติดเสมอ
ถึงหนึ่งคนหนึ่งใครหนึ่งได้เจอ
ให้พร่ำเพ้อพร่ำครวญชวนพร่ำคำ

ว่าคิดถึงคิดหาคิดพาห่วง
มองเดือนดวงเดือนดับกับเดือนคว่ำ
มองฟ้ากว้างฟ้าไกลไร้ฟ้าดำ
คอยด้วยฉ่ำด้วยเฉาด้วยเหงาคอย

รักยังมียังคงยังตรงต่อ
ไม่กลับก่อกลับคำกลับทำหงอย
หนึ่งไม่เปลี่ยนไม่วางไม่ห่างกลอย
นับวันคอยวันคืนวันชื่นชม

จึงให้มั่นให้มุ่งให้รุ่งจิต
รักสนิทติดสนองปองสนม
มีเพียงเธอเพียงหวังเพียงสั่งลม
ฝากสู่พรหมสู่แถนสู่แดนใจ(เธอ)
 

~@ บ่วงชีวิต @~

 
 
เพื่อนำพาฝ่าพ้นทนต่อสู้
ยามยั้งอยู่หมู่คนบนเป้าหมาย
ก็เพียงเพื่อเลี้ยงตนให้พ้นตาย
ก่อนวางวายสายทาง..คือสร้างตัว

หากมากล้นบนวิธีที่เลือกสรร
แตกต่างกันตามถนัดเข้าจัดขั้ว
ตามบุญกรรมนำมาคราเมามัว
ตามดีชั่วแต่งเติมเสริมปัญญา

ต้องยอมรับกับบุพเพที่เสสม
ต้องยอมตรมขมขาดพลาดปัญหา
ต้องดิ้นรนพ้นภัยใดรุมมา
ต้องฟันฝ่าให้ผ่านต้านระทม

นี่ล่ะหรือ  ชีวิต ยามคิดอยู่
ที่ทุกผู้รู้หวังยั้งสุขสม
จากลืมตาจนหลับตา..คราสิ้นลม
ล้วนคือปมชีวิตคนคิดครวญ

สุขสบายเป้าหมายคล้ายกันทั่ว
ความหวาดกลัวลำบากมากปั่นป่วน
สารพันหวั่นไหวในกระบวน
บนสำนวนชวนชื่นยังลื่นเลย

ทุกชีวิต มีบ่วงคอยห่วงหา
ถูกจัดมาทุกผู้อยู่เฉลย
บ่วงคือวง ชีวิต ให้ชิดเชย
จงคุ้นเคยกับบ่วง..อย่าลวงตน.
 

~@ เหงา..จัง @~

 
 
เหงา..จัง ฟังดู หดหู่นัก
คนทายทักมากมี นี่ยังเผลอ
เป็นอาการถาวร ร้อนละเมอ
ทุกครั้งเจอ นั่งเหงา เฝ้าต้นรัก

หากปล่อยตนคนเดียวเดี๋ยวก็เหงา
เรื่องรุมเร้า มากมายเสียดายหนัก
หางานทำโน่นนี่ ช่างดีนัก
อย่าสลักเพียงหนึ่งตรึงกายา

มันเป็นเพียงอารมณ์ที่บ่มทับ
ให้เจ้าจับมาแปรแลใหม่หนา
ให้มันเลื่อนไหล่เล่นเช่นธารา
นำเหงาพาลื่นไหลใส่กวี

อารมณ์กานท์ขานรับกับความเหงา
ช่วยบรรเทาเหงาวางอย่างสุขี
เหงาเป็นสุขทุกคราบรรดามี
เหงาทันที..เขียนกลอนป้อนทันใด.
 

~@ เสียงจากทุ่งก่อนรุ่งเช้า @~

 
 
เสียงเพลงจาก จิ้งหรีด ที่กรีดเสียง
ใส่สำเนียงใสแสบ แอบซุ่มหา
อยู่แห่งใดไหนหนอกอ หญ้าคา
ร้องอะไรนักหนา..ไม่หากิน

ตกคืนค่ำย่ำเย็นจันทร์เพ็ญส่อง
ยามละอองน้ำค้างพร่างถวิล
เสียงหริ่งหรีดกรีดร้องก้องธานิน
จนชาชินเสียงใสไพรระงม

เป็นส่วนหนึ่งในวิถีมีชีวิต
ช่างโศภิษฐ์พิลาศล้ำฉ่ำสุขสม
องค์ประกอบครบเครื่องเรืองอุดม
ในคำคมความหมายคล้ายเมืองแมน

เช่นคืนนี้ เสียงร่ำดุจนำแข่ง
เปล่งแสดงแรงเร้าเฝ้าแสบแสน
กับคร่ำครวญจากฉันวันขาดแคลน
ฟ้องสู่แถนแดนสวรรค์..ว่าฉันตรม

อยากร่ำร้องก้องไพรได้เช่นเจ้า
ระบายเศร้าเหงาทรวงดวงรักขม
จะมีไหมใครรู้ผู้นิยม
ไม่ทับถมถ่มถุยคุยร่ำไร

จะส่งเสียงเพียงคำขอพร่ำกล่าว
บอกอกร้าวคราวห่างร้างไฉน
ดังพอยินผินฟังโปรดยั้งใจ
อย่าห่างไกล เลยหนา..ข้าระทม
 
 

๐๐ บ่หลู๋โตน ๐๐

 
 
บ่หลู๋โตน ไผดอก..สิบอกไห่
บ่อาลัย จั๊กน่อย ใจข่อยขุ่น
มันพังเพ เซล่ม สมจนมุน
ยามเจ้าหุน หันห่าว บ่ตาวคืน

ไปเหมิดเมือก เกลือกแล้ว จังแจวกลับ
เขาฟันยับ นับแผล แลเป็นหมื่น
หน้ากะแหล่ แผลกะเนา แมนเจ้าลืน
ยามลุกยืน เฟือไม้ ไผสิเอา

ให่กลับไป บ้านก่อน บอนเจ้ามา
อย่าหัวซา อ้ายซาย ตายอย่าเผา
เก็บแต่ทุกข์ ซุกฝาก บ่อยากเดา
ข่อยกับเจ้า คือสิหาง ทางสิไป

จังจบสิ้น กันสา หล่าอีนาง
เจ้าเลือกทาง ห่างแล้ว วาแนวใด๋
สุขคือเจ้า เศร้าคืออ้าย บ่หมายใจ
ลืมอาลัย ไปสา อ้ายลาก่อน..
 
 

ใจรำพันฉันรักเธอ

ใจรำพันฉันรักเธอ

ใจ ปั่นป่วนหวนหาพาสะท้อน
ใจ เว้าวอนอ้อนหาพาเหงาหงอย
ใจ นับวันฝันสู่ดูเลื่อนลอย
ใจ ต้องปล่อยใจร้าง..อย่างระทม

รำพัน ฝากฟากฟ้าพาสื่อสาร
รำพัน กานท์ขานขับสดับสม
รำพัน เพื่อเกื้อถึงหนึ่งอารมณ์
รำพัน พรมบ่มรักสลักปอง

ฉัน วันนี้มีใจให้เพียงเจ้า
ฉัน หวั่นเศร้าเจ้าเหินเมินสนอง
ฉัน วอนขอรอสมภิรมย์ครอง
ฉัน ร่ำร้องจากใจให้คำนึง

รักเธอ มาก หลากนิยามในความหมาย
รักเธอ คล้าย ย้ายทรวงเข้าพ่วงถึง
รักเธอ ล้น จนหลั่งเกินยั้งดึง
รักเธอ จึง สุดสวาท..เป็นทาสเธอ.

~@ ค่าของคน @~

 
 
ตีราคาค่าตนบนผิดหวัง
ทั้งที่ยังแกร่งกล้าคราถวิล
เหมือนซ้ำเติมเพิ่มหม่นยามยลยิน
เกิดจากจินต์บอบช้ำนำอารมณ์

ค่าของคนใครจัดมาวัดได้
ดีร้ายใครกำหนดบาทบทสม
ล้วนตัวเองเปล่งแสงแห่งอุดม
สุขทุกข์ถมใครถ่อรอยื่นมือ

จงเชื่อมั่นในตนคนดำริ
ใครตามติริเริ่มเติมยึดถือ
คือพลังสั่งสมคมคำลือ
โลกระบือถือทางสร้างความดี

หนึ่งในคนล้นหลากมากมายผู้
ขอยืนคู่เคียงข้างสร้างสุขศรี
เป็นกำลังใจวางข้างฤดี
ให้น้องพี่..มีฝัน อันเรืองรอง.

"ยามฟ้าใสก็ไร้ฝน"

 
ยามฟ้าครึ้มเมฆมัวสลัวแสง
ดั่งฝนแกล้งแหล่งหล้าฟ้าถล่ม
หาก..พอดีมีสุขไม่ทุกข์ตรม
เกิน..นาล่มจมเน่าเฝ้าคร่ำครวญ

หากยามใดฟ้าใสก็ไร้ฝน
นำกมลคนแจ่มมีแย้มสรวล
ทุกทิศาอ้าอร่ามงามชื่นชวน
จิตรัญจวนนวลนางกลางฤดี

เหมือนดั่งไร้ใดขวางหรือสรวงกั้น
ใจด้นดั้นฝันใฝ่ในฉวี
ลอยรื่นลมชมชอบมอบนารี
จากทางนี้ที่ส่งตรงนงราม

ให้รับรู้คู่ใจกระไรหนอ
จะยังรออยู่ไหมในรักหวาม
ไกลสุดหล้าฟ้าผ่องมองโมงยาม
หวั่นครั่นคร้ามยามคิด..จิตรำพึง.