หน้าแรก

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

ให้รักตนคนมีรัก



ให้รักตนคนมีรัก
.
เป็นตำนานขานไขในเรื่องรัก
คนรู้จักเรียม-ขวัญนั้นน้องพี่
หลายเรื่องเล่าเอารักเป็นหลักมี
บ้างบัดพลีที่แพ้เกิดแผลใจ
.
หลายมุมบ้างต่างกันร้อยพันบท
เกินจับจรดรสหวานมาขานไข
มากแนวฝันบรรเจิดเลิศวิไล
เกินกว่าใครไหนนำว่าช่ำชอง
.
จากความจริงหญิงชายที่หมายมั่น
ความผูกพันปันแหล่งแต่งสนอง
มอบที่รักฝักใฝ่ให้สมปอง
มีมุมมองต้องสมได้ชมเชย
.
ด้วยรักกันมั่นหมายสายชีวิต
มอบดวงจิตดวงใจใช่อยู่เฉย
ดั่งหลอมจินต์วิญญาณปานเคียงเคย
เมื่อรักแล้ว รักเลย เผยอารมณ์
.
รักคือมนต์ดลใจของใครเขา
มีแรงเร้าเข้าถึงตราตรึงสม
สายชีวิตติดเหนี่ยวเป็นเกลียวกลม
ดุจดังลมหายใจใช้ร่วมกัน
.
ต้องขาดใจไร้เธอใช่เพ้อพร่ำ
อยู่ระกำทำไมให้โศกศัลย์
สู้ตายไปให้จบลบสัมพันธ์
ต่างยึดมั่นสัญญา ว่า “รักจริง”
... ...
อุทาหรณ์สอนใจในความรัก
ให้รู้จักรักใครในชาย-หญิง
ไม่รักล้นจนปลื้มลืมประวิง
รักแท้สิ่งยิ่งใหญ่..ให้รักตน๚ะ๛
☆   ☆   ☆



คูณช่อใหม่



คูณช่อใหม่
.
ภาพความจริงวิ่งวนไม่หล่นหาย
เหมือนเวียนว่ายในจินต์ไม่สิ้นสูญ
ทั้งเริงรื่นชื่นพาหรืออาดูร
เจิดจำรูญในห้วงของดวงแด
.
ถูกสะกิดนิดเดียวก็เหลียวกลับ
ไม่ลาลับขาดหายหรือตายแผ่
อยากลืมเศร้าเผามันให้ผันแปร
ทำได้แค่ชั่วคราวก็น้าวคืน
.
ไม่มีเวียนเปลี่ยนผ่านตามกาลนับ
ล้วนกำกับในตนสุดทนฝืน
ไร้ฤดูสู่สมชื่นชมยืน
ต้องกล้ำกลืนเก็บกดรันทดทวน
.
ธรรมชาติวาดทางเหมือนสร้างกรอบ
ต้องครบรอบครั้งคราจึงพาหวน
คูณช่องามตามกาลสะท้านนวล
ครบปีป่วนเปิดแท้ดุจแผลเป็น
.
สะท้อนจิตคิดเตือนสะเทือนผล
ยอกใจตนตามแผลเพียงแค่เห็น
ทั้งสุขทุกข์คลุกคละเปิดประเด็น
แสนลำเค็ญครวญคร่ำย้อนรำพึง
.
ต้องหารักปักจิตมาปิดแผล
เป็นเพื่อนแลคูณช่อให้ต่อถึง
สร้างภาพใหม่ใสสมให้กลมกลึง
ลบภาพหนึ่งเคยขื่น..ให้ชื่นทรวง๚ะ๛

♥ ♥ ♥



จากศรัทธาหรือว่าไร


จากศรัทธาหรือว่าไร
.
“หรือย่างไร” ใคร่สื่อคือความเห็น
แตกประเด็นเดินสู่ผู้สนอง
ดั่งปรึกษาหาทางวางทำนอง
ตามครรลองผองชนบนวิธี
.
ความศรัทธามานำย้ำความเชื่อ
จึงล้นเหลือเหตุผลจนเต็มปรี่
ทั้งต้องดูหูฟังตั้งใจดี
ปัญญามีวิเคราะห์จำเพาะคน
.
เกินที่ใครไปแปรเพียงแค่ครั้ง
เกินลำพังอำนาจมาฟาดป่น
เกินมาจัดศรัทธามหาชน
เกินเพราะผลบนเหตุกิเลสพา
.
กราบองค์พุทธสุดล้ำจากคำสอน
ไม่สั่นคลอนคือคุณบุญรักษา
กราบพระธรรมค้ำส่งตรงศรัทธา
ใช่กราบใครให้ค่า เพราะบารมี
.
ด้วยอย่างนี้ที่ถือ “หรืออย่างไร”
หามีใครชักนำทำบัดสี
ใช่อวดศักดิ์ฝักใฝ่ขาดไมตรี
ล้วน “พอดี” นำวางเป็นทางเดิน
.
เชื่อบาปบุญหนุนนำก่อกรรมสร้าง
ไม่แตกต่างทางดีมีสรรเสริญ
หากทำชั่วตัวใครคนไหนเชิญ
กรรมประเมินเกินใครใหญ่กว่ากรรม
.....
กราบไตรลักษณ์พักจิตปัดพิษผง
กราบบรรจงปลงทุกข์ให้สุขฉ่ำ
ปรารถนามาก่อต่อแสงนำ
ด้วยทุกคำย้ำชัด..คือศรัทธา๚ะ๛
☆   ☆   ☆



ผลงอกงามตามพันธ์


ผลงอกงามตามพันธ์
.
“รู้อะไร” ในผลที่ตนหวัง
“คิดอะไร” หรือยังก่อนตั้งค่า
“มันใช่หรือ” คือถามไม่ข้ามคา
ตั้งปุจฉา มาปลุกให้ฉุกคิด
.
อาจเผลอไผลในตรรกะอคติ
เกิดรอยปริแตกลายจนตายติด
ไม่เลือกพันธ์ปัญหาเกิดราพิษ
เมื่อปลูกผิดพาพลั้งมานั่งตรม
.
ใช่ปล่อยเลยเผยผลคาต้นเน่า
มาขุดเหง้ายามแก่ให้แลขม
เสียเวลามาฟื้นให้คืนคม
ต้องถางถมทิ้งสวนไม่ควรเป็น
.
จะดัดใครใส่ผลที่ตนหวัง
ต้องดัดครั้งยังเยาว์ให้เขาเห็น
สร้างแบบอย่างทางนำให้ฉ่ำเย็น
มองประเด็นด้วยเหตุมีเมตตา
.
เมื่อวางแนวแถวรับกระชับชัด
ไม่สะบัดเบี่ยงบิดจนผิดค่า
เร่งบำรุงปรุงต้นผลิตผลมา
รสโอชาชื่นชอบต่างตอบแทน
.
ยิ่งปรับใจให้ตนหลุดพ้นบ่วง
ต้องข้ามช่วงชอบชังเพื่อพังแผน
ปรับแต่เยาว์เข้าเคียงไม่เลี่ยงแดน
ร้อยพันแสนมารยา..ล้วนฝ่าฟัน๚ะ๛
☆   ☆   ☆



คือชีวิต


คือชีวิต
...♧...
ชีวิตต้องต่อสู้
เกินนิ่งดูแล้วอยู่ไหว
หยุดเดินก็เกินไป
ใครสาสมใครก้มมอง
.
ชีวิตเป็นของเรา
อย่าโง่เขลาคอยเศร้าหมอง
ก้าวย่างทางทำนอง
ต้องไม่ท้อต่อชะตา
.
ชีวิตลิขิตใคร
ช่างยิ่งใหญ่ในคุณค่า
เกิดแก่กว่าชรา
พาพานพบเจนจบทาง
.
ชีวิตมีชีวา
ล้วนฟันฝ่ามาทุกอย่าง
ไม่ปล่อยให้ลอยคว้าง
ต่างเดินหน้าตามค่าควร
.
ชีวิตอย่าคิดสั้น
เดินตามฝันอย่าหันหวน
หลากหลายหมายเชิญชวน
ล้วนเวลาพาเปลี่ยนแปลง
.
ชีวาอย่าให้ร้อน
มาบั่นทอนร้าวรอนแสง
เย็นใจให้สำแดง
แล้งก็สุขปลุกปลอบตน๚ะ๛
...♧... ...♧...



ตัดได้ไงใจยังรัก


ตัดได้ไงใจยังรัก
♥ ♥ ♥
หวานในถ้อยร้อยเรียงสำเนียงขาน
ลิ้มอิ่มนานแนบรักเป็นหลักหนุน
หวานในทรวงล่วงรู้เป็นคู่บุญ
อิ่มไออุ่นออดอ้อนเว้าวอนคำ
.
สื่อสายสร้อยร้อยเรียงหมายเคียงคู่
แลงามหรูเหลือหลายยามกรายกล้ำ
ประคองวางพลางส่งประสงค์นำ
ให้ชุ่มฉ่ำจากจิตยามพิศนวล
.
เมื่อเป็นทองกองเกี่ยวแผ่นเดียวแล้ว
งามเพริศแพร้วพริ้งพรายทุกสายส่วน
เกินจะตัดคัดแยกให้แหลกรวน
ทองทั้งมวลมากหมายเปรียบสายธาร
.
ตัดไม่ขาดคาดหวังคงตั้งอยู่
เปิดประตูเติมรักสมัครสมาน
สายใยโยงโค้งครอบเป็นกรอบกาล
แม้นเนิ่นนานแนวหมายไม่คลายเกลียว
.
กาลเวลามานำช่วยค้ำฐาน
สื่อสัญญาณปานแกนขันแน่นเหนียว
พิสูจน์ผลคนจริงจากสิ่งเดียว
ไม่เคยเหลียวแลใครแม้ไกลตา
.
นางคือหนึ่งตรึงมั่นด้วยฝันใฝ่
ความจริงใจพร้อมภักดิ์นั้นหนักหนา
ไม่อาจพรากจากนวลรัญจวนพา
ล้วนห่วงหารักล้น..คือคนดี๚ะ๛
☆   ☆   ☆
♥ ♥ ♥



รักเอยอย่าเลยรัก


รักเอยอย่าเลยรัก

รู้ว่าห่วงพ่วงพาเวลาคิด
รู้ดวงจิตกังวลกมลหลง
รู้ว่าใจไม่ลดไม่ปลดปลง
รู้ยังคงคอยตามคอยถามความ
.
มากกว่านั้นพลันสะท้อนคอยย้อนย้ำ
ทุกถ้อยคำซ้ำภาพ ออกวาบหวาม
หวั่นกลัวใครใกล้นวลหมายลวนลาม
ต้องคอยตามตอมไต่มิไกลตา
.
แล้วอกครวญป่วนจิตด้วยคิดถึง
เฝ้ารำพึงเพ้อครวญรัญจวนหา
คิดถึงเขาเช้าค่ำน้อมนำมา
เกินที่จะพรรณนาพร่ำพาที
.
รู้คิดถึงตรึงทรวงและห่วงหวง
ไม่เคยล่วงรู้ถึงเสียงอึงมี่
ว่าคือ “รัก” ปักศรอาทรมี
รู้ “รัก” นี้ เมื่อตน “รัก” ล้นทรวง
.
ความรักเอย..เลยห้อม รายล้อมจิต
ฟ้าลิขิตใช่ไหมแสนใหญ่หลวง
ยามรักรู้สู่สองประคองควง
ปลื้มแดดวง..เดียวดายก็คลายลง
.
โอ้ “รักเอย”..เผยตนรักล้นอก
กลัวผันผกผิดไปปล่อยให้หลง
โปรดเถิดพรหมยมอินทร์อย่าผินองค์
วาดบรรจง “รักเอย” ให้เชยชม๚ะ๛
☆ ♥  ☆ ♥  ☆
.
กลบทมธุรสวาที

ในสมัยท่านบรมครูสุนทร (ภู่ )
เรียกกลบทนี้ว่า ทิพย์วารี

นิยมเขียนเป็นกลอนแปด  บังคับให้
 ๑. สัมผัสสระระหว่าง คำที่ ๕ กับ คำที่ ๗ ในทุกวรรค
๒. วรรคสดับ และวรรครอง (วรรค ๑ และ ๓) ให้เพิ่มสัมผัสชิด
อีก ๑ คู่ ระหว่าง คำที่ ๓ กับ คำ ๔
 โดยจะสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรก็ได้



วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

เพียงเท่านั้นก่อนวันตาย


เพียงเท่านั้นก่อนวันตาย
.
สื่อความหมายปลายทาง แตกต่างฝัน
สื่อบอกกันนั้นแยก แตกต่างเฝ้า
สื่อบอกผลคนใคร รวมใช่เรา
สื่อบอกเงาเข้าสวม รวมใช่เรียม
.
เกิดมากมีดีชั่ว ตัวไม่ขืน
ทุกวันคืนยืนยั่ว ตัวไม่เขียม
แย่งชิงกันฉันใหญ่ ไม่เคยเจียม
ล้วนมากเหลี่ยมเสี้ยมเฉย ไม่เคยจน
.
ยึดอัตตาพาไป ไม่เคยมัด
เหมือนเจนจัดลัดเลย ไม่เคยหม่น
ข้ามหัวใครไม่พอ ไม่ท้อทน
ข้ามหัวคนล้นถ่อ ไม่ท้อทาง
.
หวังเป็นใหญ่ให้คร้าม อย่าข้ามข้า
หวังลือชาว่าตาม อย่าข้ามขวาง
หวังอำนาจชาติพันธ์ สร้างสรรค์วาง
หวังไม่ต่างอย่างนั้น สร้างสรรค์เวร
.
บทสุดท้ายกายทรุด ผุดหลานหล่อน
หน้าสลอนก่อนหลุด ผุดหลานเหลน
มายื้อแย่งแบ่งทรัพย์ รับประเคน
ไม่ผ่านเผ่นเด่นปรับ รับประคำ
.
แต่ตัวตนคนหมาย วันตายตก
วอนนรกปกกาย วันตายต่ำ
เพียงต่อสายหายใจ ให้เนื่องนำ
ให้ปอดฉ่ำพร่ำไข ให้เนื่องนาน๚ะ๛
☆   ☆   ☆
กลบทเทพชุมนุม + สร้อยคู่สะคราญ
.. ☆..☆..
กลบทเทพชุมนุม
บังคับให้คำที่สามสัมผัสกับคำที่สี่
และคำที่ห้าสัมผัสกับคำที่หก หรือเจ็ด ทุกวรรค

.


♥ใจคิดถึงจึงรำเพย


ใจคิดถึงจึงรำเพย

ถ้อยขับขานหวานซึ้งรำพึงเพ้อ
จากใจเธอเสมอมาพาสุขสม
กลั่นเป็นคำนำส่งตรงอารมณ์
อักษรพรมพลิ้วหาข้ามฟ้าไกล
.
ความคิดถึงบึ่งกลับตอบรับรู้
ว่าหนึ่งผู้ดูดีมีฝันใฝ่
มีอาทรวอนหวังพลังใจ
ตามพิไรในถ้อยที่ร้อยเรียง
.
ระยะห่างสร้างคนท้นสำนึก
ให้รู้สึกตรึกตรองทำนองเสียง
ให้รู้ค่าความจริงยิ่งสำเนียง
รู้พอเพียงเคียงฝันทุกวันคืน
.
ค่าความรักถักทอเมื่อก่อเกิด
แสนเลอเลิศเทิดค่าคราหลับตื่น
ต่างถนอมพร้อมคู่สู่ยั่งยืน
รับเริงรื่นชื่นใจแม้ไกลกัน
.
ความคิดถึงหนึ่งส่วนขบวนรัก
ตามทายทักผลักเสริมเติมใฝ่ฝัน
ต้องเสมอเห่อเหิมเติมสัมพันธ์
สื่อนิรันดร์สรรถวิลตราบสิ้นใจ
.
จึงความจริงสิ่งขวางคือทางกั้น
ห่างอนันต์ผันคาหาหวั่นไหว
ความคิดถึงขึงแน่นแผ่นฟ้าไกล
โลกแตกไปไร้ผล..คนรักจริง๚ะ๛
♥ ♥ ♥
☆ ☆ ☆



อยากพักสารมาขานรัก


อยากพักสารมาขานรัก
♥♥♥
มากห่วงหาสารพันมาบันดล
มากเหตุผลพ่วงคำนำวิถี
มากห่วงใยใครเท่าที่เจ้ามี
มากวิธีสื่อสารหวานลำนำ
.
หากสารอื่นฝืนตนพอทนได้
แต่สารรักหนักไฉนในคืนค่ำ
ต้องเร่งเร้าเฝ้าเผยเอ่ยถ้อยคำ
ส่งให้ซ้ำซ้ำซ้อนออดอ้อนวาง
.
อยากให้รู้ดูดีมีห่วงหวง
ทุกดาวดวงพ่วงสารติดบานข้าง
สลักรอยร้อยรสกำหนดทาง
อย่าเคว้งคว้างกลางหาวให้ร้าวราน
.
ทุกเส้นสายหมายตาพาสื่อสม
ทั้งสายลมชมแสงสีแดงฉาน
อีกสายรุ้งพุ่งค้อมล้อมจักรวาล
ล้วนเป็นฐานสารส่งของนงราม
.
ผู้รอสารหวานรักจักต้องตื่น
ทั้งวันคืนยืนคอยร้อยรักหลาม
ไม่หลับนอนผ่อนกายหมายติดตาม
เธอเฝ้าถามยามดึกล้วงลึกเรา
.
อยากบอกนางบ้างว่าอย่าส่งสื่อ
อยากได้คือตัวนางสล้างเสลา
อยากสัมผัสไออุ่นละมุนเบา
อยากคลอเคล้าข้างหู..ไม่ดูสาร๚ะ๛
☆   ☆   ☆
♥ ♥ ♥