รักเอยอย่าเลยรัก
♥
รู้ว่าห่วงพ่วงพาเวลาคิด
รู้ดวงจิตกังวลกมลหลง
รู้ว่าใจไม่ลดไม่ปลดปลง
รู้ยังคงคอยตามคอยถามความ
.
มากกว่านั้นพลันสะท้อนคอยย้อนย้ำ
ทุกถ้อยคำซ้ำภาพ ออกวาบหวาม
หวั่นกลัวใครใกล้นวลหมายลวนลาม
ต้องคอยตามตอมไต่มิไกลตา
.
แล้วอกครวญป่วนจิตด้วยคิดถึง
เฝ้ารำพึงเพ้อครวญรัญจวนหา
คิดถึงเขาเช้าค่ำน้อมนำมา
เกินที่จะพรรณนาพร่ำพาที
.
รู้คิดถึงตรึงทรวงและห่วงหวง
ไม่เคยล่วงรู้ถึงเสียงอึงมี่
ว่าคือ “รัก” ปักศรอาทรมี
รู้ “รัก” นี้ เมื่อตน “รัก” ล้นทรวง
.
ความรักเอย..เลยห้อม รายล้อมจิต
ฟ้าลิขิตใช่ไหมแสนใหญ่หลวง
ยามรักรู้สู่สองประคองควง
ปลื้มแดดวง..เดียวดายก็คลายลง
.
โอ้ “รักเอย”..เผยตนรักล้นอก
กลัวผันผกผิดไปปล่อยให้หลง
โปรดเถิดพรหมยมอินทร์อย่าผินองค์
วาดบรรจง “รักเอย” ให้เชยชม๚ะ๛
☆ ♥ ☆ ♥ ☆
.
กลบทมธุรสวาที
ในสมัยท่านบรมครูสุนทร (ภู่ )
เรียกกลบทนี้ว่า ทิพย์วารี
นิยมเขียนเป็นกลอนแปด บังคับให้
๑. สัมผัสสระระหว่าง คำที่ ๕ กับ คำที่ ๗ ในทุกวรรค
๒. วรรคสดับ และวรรครอง (วรรค ๑ และ ๓) ให้เพิ่มสัมผัสชิด
อีก ๑ คู่ ระหว่าง คำที่ ๓ กับ คำ ๔
โดยจะสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรก็ได้
♥
รู้ว่าห่วงพ่วงพาเวลาคิด
รู้ดวงจิตกังวลกมลหลง
รู้ว่าใจไม่ลดไม่ปลดปลง
รู้ยังคงคอยตามคอยถามความ
.
มากกว่านั้นพลันสะท้อนคอยย้อนย้ำ
ทุกถ้อยคำซ้ำภาพ ออกวาบหวาม
หวั่นกลัวใครใกล้นวลหมายลวนลาม
ต้องคอยตามตอมไต่มิไกลตา
.
แล้วอกครวญป่วนจิตด้วยคิดถึง
เฝ้ารำพึงเพ้อครวญรัญจวนหา
คิดถึงเขาเช้าค่ำน้อมนำมา
เกินที่จะพรรณนาพร่ำพาที
.
รู้คิดถึงตรึงทรวงและห่วงหวง
ไม่เคยล่วงรู้ถึงเสียงอึงมี่
ว่าคือ “รัก” ปักศรอาทรมี
รู้ “รัก” นี้ เมื่อตน “รัก” ล้นทรวง
.
ความรักเอย..เลยห้อม รายล้อมจิต
ฟ้าลิขิตใช่ไหมแสนใหญ่หลวง
ยามรักรู้สู่สองประคองควง
ปลื้มแดดวง..เดียวดายก็คลายลง
.
โอ้ “รักเอย”..เผยตนรักล้นอก
กลัวผันผกผิดไปปล่อยให้หลง
โปรดเถิดพรหมยมอินทร์อย่าผินองค์
วาดบรรจง “รักเอย” ให้เชยชม๚ะ๛
☆ ♥ ☆ ♥ ☆
.
กลบทมธุรสวาที
ในสมัยท่านบรมครูสุนทร (ภู่ )
เรียกกลบทนี้ว่า ทิพย์วารี
นิยมเขียนเป็นกลอนแปด บังคับให้
๑. สัมผัสสระระหว่าง คำที่ ๕ กับ คำที่ ๗ ในทุกวรรค
๒. วรรคสดับ และวรรครอง (วรรค ๑ และ ๓) ให้เพิ่มสัมผัสชิด
อีก ๑ คู่ ระหว่าง คำที่ ๓ กับ คำ ๔
โดยจะสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น