หน้าแรก

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บัวกลางบึงหนึ่งนางสวย

บัวกลางบึงหนึ่งนางสวย
.
ฟังเพลงเพลินเกินยั้งจากฝั่งฝัน
เพลงรำพันด้วยเสียงสำเนียงใส
จิตเรานั้นดั้นเดินเกินล้ำไป

กลางหทัยใฝ่ภิรมย์ผสมกัน
.
ชีวิตคนหลายเหล่าเฝ้าก่อเกิด
แม้ชื่นชมว่าเลิศประเสริฐฝัน
แต่ก็มีแยกได้ในสารบัญ
คนเท่ากันเกิดตามต่างความดี
.
เปรียบมาลัยมาลาในหล้าโลก
บานเบ่งโบกช่อชื่นดื่นวิถี
แบ่งตามคุณประโยชน์โปรดวิธี
มากมาลีแต่ละอย่างต่างแสดง
.
ปานเปรียบเปรยเชยทางสร้างความฝัน
จินตนาผ่องพรรณนั้นแอบแฝง
เปรียบสตรีคลี่ผกาคลาจำแลง
สวยสมแสงแปลงคำทำนิยาย
.
จึ่ง บัวบานกลางบึง...ซึ่งความหลาก
เฝ้าฝันฝากมากตาม ...ซึ่งความหลาย
ที่พิสุทธิ์สุดเสถียร....ไม่เปลี่ยนปลาย
บัวกระจายบางใบ....ไม่เปลี่ยนเป็น
.
สตรีสมนิยมสุด.....บริสุทธิ์ให้
บัวบังใบสวยสุด....บริสุทธิ์เห็น
ภมรคล้ายชายสม.....ชมชื่นเพ็ญ
งามยามเย็นเริงรื่น....ชมชื่นพา๚ะ๛
.
☆ ☆ ☆

บ้านร้อนตะวัน


แค่หมาเยี่ยวอย่าเฉียวฉุน

แค่หมาเยี่ยวอย่าเฉียวฉุน

.
แสนดีใจใครจ๋านินทาเรา
เหมือนช่วยเขาคลายกลุ้มเข้ารุมหนุน
..และอภัยให้เขาเพื่อเอาบุญ
จะเฉียวฉุนไฉนเล่าปากเขาเอง
.
สุนทรภู่ครูกลอนท่านย้อนย้ำ
ว่าถ้อยคำของใครอย่าได้เก่ง
ถ้าพูดดีดีนั้นร่วมบรรเลง
เศร้าวังเวงวุ่นใจพูดไม่คิด..
.
“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ 
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร 
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”
(สุนทรภู่ จากนิราศภูเขาทอง)
.
จึงไม่โกรธโทษเขาเพราะเราละ
วิสาสะเสียเปล่าปล่อยเขาสา
เป็นสันดานหว่านถมอารมณ์พา
เกินเยียวยาหย่อนสายให้คลายมือ
.
“กินข้าวโตโสความเพิ่น” จงเมินเสีย
แสนละเหี่ยเหี่ยวหายอย่าหมายถือ
“กินบนเรือนขี้บนหลังคา” ก็ลาลือ
อย่าไปยื้อยุ่งด้วยให้ป่วยการ
.
รู้เป็นขี้หนีหันอย่ารันขี้
ไม่พาทีถ้อยคำไม่พร่ำขาน
เป็นภูผาท้าลมไม่ตรมมาน
ไม่สะท้านทางเทียวหมาเยี่ยวยืน๚ะ๛
.
☆ ☆ ☆
บ้านร้อนตะวัน



วรรคทองของบรมครู

วรรคทองของบรมครู
.
“ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย 
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย 
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย 
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย 
.
พระจันทร์จรสว่างกลางโพยม 
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย 
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย 
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน”

จากเรื่องพระอภัยมณี(สุนทรภู่)
.
ปี่ที่เป่าเร้าใจกระไรนัก
เป่าสื่อรักถักเสียงสำเนียงหวาน
เสริมมนตราพาเคลิ้มเติมดวงมาน
เกินใครต้านขานไขยามได้ยิน
.
เพียงสำนวนภาษายังพาซึ้ง
หากอีกหนึ่งขลุ่ยแผ่วแว่วถวิล
มารวมกันวันใดใจรวยริน
ละลายสิ้นลิ้นสวาทเป็นทาสมนต์
.
สื่อได้ซึ้งถึงรสบทสะท้อน
อารมณ์กลอนวอนว่าอย่าสับสน
ถ้อยลำนำคำพามาดาลดล
ได้อิ่มล้นคนสดับต้องจับจำ
.
สุดยอดครูผู้ถึง..หนึ่งในโลก
ชื่นชมโชคชาวไทยได้ลือร่ำ
มีกวีดีเด่นเช่นผู้นำ
แสนเลิศล้ำฉ่ำฉมคมสุนทร
.
จรรโลงไว้ไทยเราเฝ้าสงวน
ชมชี้ชวนควรค่าภาษาสอน
สื่อสู่สมชมชอบกรอบบทกลอน
ที่สะท้อนศักดิ์ศรี..กวีไทย
.
บ้านร้อนตะวัน



ส่งความคิดถึง

ส่งความคิดถึง
.
ส่ง..รู้สึก จากใจใช่เสกสรร
ความ..หมายนั้น ทั้งมวลล้วนสุขี
คิด...ทุกครั้ง ภาพเก่าเราพาที
ถึง..คนดี ด้วยรอหมายคลอเคียง
.
ส่ง..สัมพันธ์ มั่นถึงพึงบรรจบ
ความ..จริงพบ สบตาพาส่งเสียง
คิด..คำหวาน ขานคำต่อสำเนียง
ถึง..เรียบเรียง กรองกานท์หวานวลี
.
ส่ง..ฝากลม พลิ้วผ่านวานกระซิบ
ความ..ถี่ยิบ ห่วงหวงดวงฉวี
คิด..รำพึง หนึ่งใดใส่วจี
ถึง..นารี แน่นอน..ก่อนลมลา
.
ส่ง...ไปแล้ว รักมาก จากใจฉัน
ความ..ผูกพัน ฝันเพิ่มเติมเสาะหา
คิด...พะวง คงครวญป่วนอุรา
ถึง..กานดา..ว่า “รัก” เกินหักใจ..
.
บ้านร้อนตะวัน


กลอนแปด ร่ำเรียนรู้

กลอนแปด
ร่ำเรียนรู้
.
เริ่มเรียนร่ำ รวบร่วม รวมใจสิงห์
สวมสอดสิ่ง สับสน ทนขีดเขียน
จากจ่อจด จึงจำ นำลอกเลียน
เปิดปากเปลี่ยน ปล่อยไป ในวงศ์วรรณ
.
นับเนืองนอง หน่วยหนึ่ง ถึงพันแล้ว
ก่อเกิดแก้ว กลอนกานท์ สานสวรรค์
อยู่หยิกหยอก ยอกย้อน อ้อนจำนรรจ์
อิ่มเอิบอัน อุ้มอม สมอุรา
.
ตื่นเต้นตอน ต่อติด คิดต่อคำ
ใจจดจำ จ่อจ้อง ปองขนิษฐา
เอ่ยออดอ้อน เอออวย ด้วยมารยา
ล้อเล่นล่า ลอยลำ คำหยอกเอิน
.
ก่อนเก็บกำ ก่อกวน ล้วนชื่นมื่น
ดีดาษดื่น เด็ดดอม พร้อมขวยเขิน
รองรับร่าย ร่วมรู้ ดูเพลิดเพลิน
กลก่อเกิน การกล่าว พริ้งพราวคำ
.
คงครึกครื้น ครืนครั่น สนั่นฟ้า
พักพิงพา เพิ่มผล กมลฉ่ำ
ตามต่อติด เติมต้อย ร้อยจดจำ
ช่วงชอกช้ำ ชื่นช่วย ด้วยไมตรี
.
หนึ่งในนาม น้อมนำ คำสั่งสอน
เวียนเว้าวอน วาดหวัง ปลั่งแสงสี
ร่ำเรียนรู้ เริ่มรับ ปรับฤดี
นับเนื่องนี้ น้อมนบ พบพระคุณ
.
กลอนกลบท เบญจวรรณห้าสี

บ้านร้อนตะวัน


กลอนเจ็ด รักเอย..เผยที

กลอนเจ็ด
รักเอย..เผยที
.
รักเอย เผยคำแสนฉ่ำชื่น
หยิบยื่น รื่นล้อมพร้อมสุขสม
วาจา พาทีที่ชื่นชม
นิยม คมคำเลิศล้ำคุณ
.
ที่ไหน ใครยินผินหน้าหัน
ยิ้มนั้น ปันให้ไม่เฉียวฉุน
สองคำ นำผลล้นการุณย์
ไออุ่น โอบอวลล้วนไมตรี
.
ไม่ยาก ปากเอ่ยหากเผยออก
เพียงบอก กลอกกลับก็ลับหนี
จากใจ ใครเห็นเย็นฤดี
มากมี ที่ชอบต่างตอบแทน
.
บอกรัก กันเถิดเปิดใจถึง
จากหนึ่ง ตรึงต่อก่อเป็นแสน
วลี นี้หวานสะท้านแดน
ถึงแถน แหนแห่มีแต่ชม
.
“รักเอย” เผยเอื้อนเหมือนสุขยิ่ง
ทุกสิ่ง เคยร้าวบางคราวขม
ก็กลับ ซับซึ้งตรึงอารมณ์
ระทม ระทวยก็ช่วยคืน
.
มาเถิด รักกันให้ลั่นฟ้า
โปรยมา หาเพื่อนอย่าเคลื่อนขืน
จริงใจ ใส่เสริมเติมหยัดยืน
เริงรื่น ชื่นไฉน..ได้รักคุณ๚ะ๛
.
☆ ☆ 
บ้านร้อนตะวัน








วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กลอนหก ยกดู

กลอนหกยกดู
.
กลอนหก ตกคู่ อยู่สอง
คำคล้อง ปองหมาย คล้ายเพื่อน
ใช่เป็น สามสาม ตามเยือน
ไหลเลื่อน เคลื่อนตาม ยามชม
.
หกนับ จับคู่ ดูสวย
เอออวย ด้วยกัน นั้นสม
กระชับ รับได้ ไม่ตรม
อารมณ์ สมส่วน ชวนฟัง
.
คือบท ฉันเรียน เขียนขับ
ตอบรับ ปรับจิต คิดหวัง
ใช่ใคร ไม่เห็น เป็นพลั้ง
ไม่รั้ง ยึดเกี่ยว เหนี่ยวใคร
.
หากเห็น  เป็นอื่น ชื่นชม
สุขสม ปมวาง อย่างใส
ก็เป็น เห็นต่าง อย่างไร
ตามใจ ไม่ติด คิดครวญ
.

บ้านร้อนตะวัน


กลอนห้า เข้ามาดู


กลอนห้าเข้ามาดู
.
มากคำ มาพร่ำขาน
มากท่าน ก็มากถ้อย
มากมวล ป่วนเป็นรอย
มากน้อย ไม่พอดี
.
ความคิด ต้องจิตตั้ง
ความหวัง ดั่งแสงสี
ความนัย ใครบ้างมี
ความนี้ ไม่จีรัง
.
วันวัน เพียงฝันเพ้อ
มองเหม่อ เสมอหวัง
หามวล ใดควรฟัง
มานั่ง ลำพังตน
.
เหงาเหงา รุมเร้าจิต
ร้อยฤทธิ์ จากพิษหม่น
ความอยาก มีมากปน
กังวล ผลใจลอย
.
หลายเหลือ เมื่อฝันใฝ่
อยากได้ มาใช้สอย
หลายทาง ต่างรอคอย
ไม่น้อย คอยชะตา
.
กิเลส เป็นเหตุให้
ฝักใฝ่ ไปเสาะหา
ร้าวราน บานอุรา
ไขว่คว้า ความมากมี
.
สังคม นิยมทรัพย์
ซึมซับ กับวิถี
รวยล้น เป็นคนดี
ภูตผี พวกยากจน๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน


กลอนสี่ สุภาพ(นะ)

กลอนสี่สุภาพ(นะ)

ลงกลอนนอนเสบย(อิ อิ)
.
เชิญชวนชมชี้
กลอนสี่กลอนห้า
หกเจ็ดตามมา
 แปดเก้าเฝ้าตาม
.
เล่นแล้วอย่าเพลิน
จนเกินตีสาม
ทิ้งถ้วยทิ้งชาม
 คนงามอย่าเบลอ
.
ยามเมื่อก่อนนอน
พักผ่อนอย่าเผลอ
มองบ้านผ่านเจอ
บอกเธอเรื่องกลอน
.
เปิดถ่างอ้างที่
มากมีสังหรณ์
บางใครไหนจร
อาจย้อนมาชวน
.
เพราะพี่อยู่ไกล
ห่วงใยสงวน
ใครไหนมากวน
กลัวป่วนอารมณ์

น้องเชื่อคำพี่
ฤดีไม่ขม
คืนค่ำฉ่ำชม
 นิยมลงกลอน๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน


กลอนสี่ รี่เข้ามา

กลอนสี่รี่เข้ามา
.
เป็นห่วงเป็นใย
หัวใจห่วงหา
รำพึงตรึงตรา
อุราระบม
.
คนใกล้ไกลห่าง
เหมือนสร้างทางขม
เนิ่นนานซานซม
ระทมคอยมา
.
อาลัยในอก
ระทกผวา
รินร่ำน้ำตา
ระอาอาลัย
.
เหมือนแล้งคอยฝน
เหมือนหม่นคอยใส
เหมือนแก้วคอยใคร
เหมือนใจขาดรอน
.
นานแล้วที่หวัง
คงยังกอดหมอน
รักเอยขาดตอน
สะท้อนสะเทือน
.
หวังใจได้สุข
ความทุกข์อย่าเฉือน
เร่งวันเร่งเดือน
ให้เคลื่อนรักมา๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน

กลอนสาม ตามสบาย

กลอนสามตามสบาย
.
ร่ายกลอนสาม   
 ตามสงวน
ผูกสำนวน      
ชวนหันมอง

ตามดมดอก     
บอกสนอง
กลิ่นลำยอง
คล้องอารมณ์

สุขใดเล่า
เท่าสุขสม
สุดภิรมย์
ชมชื่นเชย

มีหนึ่งนาง
อย่างเปิดเผย
บอกรักเอย
เปรยคู่ครอง

บัดนี้ไกล
ใจหม่นหมอง
หมดรักปอง
จองเพียงเงา

มาลีหล่น
ปนความเศร้า
กลีบบางเบา
เคล้าแนบดิน๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

งามตางามใจ

งามตางามใจ
.
งามยามพิศจิตนิ่งมากสิ่งเสริม
ธรรมชาติช่วยเติมเมื่อเริ่มเห็น
สุขอารมณ์ขมคำไม่จำเป็น
ทุกประเด็นดีร้ายมีปลายทาง
.
บริสุทธิ์หยุดยิ้มเอิบอิ่มหน้า
กิริยายามยลไม่หม่นหมาง
วัยแรกรุ่นอุ่นเอื้อไม่เจือจาง
แจ่มกระจ่างจากจิตชวนพิศเพลิน
.
ไร้มารยามาเปื้อนให้เลือนแสง
ไร้ปรุงแต่งต่อเติมให้เหิมเหิน
ไร้กิเลสเลศนำมาก้ำเกิน
ไร้ใดเชิญชวนชี้..แต่มีมนต์
.
มองด้วยใจให้สุขงามทุกซอก
เนื้อในบอกบางเบาไร้เงาหม่น
งามอารมณ์สมจินต์ถวิลชน
มองภาพล้นเลยทุกข์..ยามสุขใจ๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน

เสียงลือเสียงเอ่ยอ้าง


เสียงลือเสียงเอ่ยอ้าง
.
ร้อยเล่มเกวียนเพียรนับขยับเพิ่ม
ป่านนี้เติมเต็มพันนับวันถึง
คือมารยาสาไถยพิไรดึง
พวกเธอหนึ่งแน่นอนปลิ้นปล้อนวจี
.
ผู้รู้กล่าวสาวใดส่งให้มะเหงก
รหัสเลขเลยอ่านดวงมานฉวี
บอกตามไปให้ทันเป็นวันดี
เพราะนิ้วงี้..งอหาเข้าหน้าตน
.
จึงรู้ว่าถ้าสาวเพียงกล่าวถ้อย
เต็มทั้งร้อยเรื่องลวงตลอดช่วงถนน
เกวียนมารยามาเรียงฟังเสียงอึงอล
เพราะหน้ามนมากเล่ห์..ยามเสวนา.
.
บ้านร้อนตะวัน