หน้าแรก

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ซากระทม

ซากระทม
.
เหมันต์เยือนเหมือนนำความช้ำกลับ
สำนึกรับร้อยเรื่องเคยเขื่องขม
กี่เหตุการณ์ผ่านปล่อยทิ้งรอยตรม
ยังระทมทอทับมาจับจินต์
.
กี่ปี่แล้วแผ่วโหยราโรยจิต
ที่ซับพิษเพิ่มพูนอาดูรถวิล
กี่คราครั้งยังโหยหน้าโรยริน
วสันต์สิ้นส่งผ่านกี่กาลกรรม
.
ใบไม้แห้งแกว่งปลิวร่วงลิ่วส่ง
ดินยังคงคอยสมแรงลมกระหน่ำ
เสียงกราวกรูดูขมแรงลมกระทำ
ยิ่งตอกย้ำยามพรากกระชากใจ
.
จะคว้าคืนกลืนกลับเกินขับขม
จะดอมดมด้วยชื่นขมขื่นไฉน
จะประวิงยิ่งยากเขาจากไกล
จะคว้าไขว่แขนเอื้อมกลับเสื่อมศรัทธา
.
ให้นอนนั่งฟังลมพัดห่มหนาว
หวิววาบราวร้องเรียกมาเพรียกหา
ซุกกายหลบลบถวิลและจินตนา
กอดอุราร่ำไห้อยู่ในทรวง
.
กว่าจะผ่านกาลนั้นเหมันต์จาก
คงเหลือซากซ่อนใจก้อนใหญ่หลวง
กว่าจะยืนฟื้นผลจากคนลวง
กายคงกลวงเกินกู้..เป็นผู้คน๚ะ๛

บ้านร้อนตะวัน


ฤดูเศร้า

ฤดูเศร้า
.
ฤดูเศร้าคงนานกว่าผ่านพ้น
ครึ้มเมฆฝนปนละอองของความหนาว
อีกสายลมอวลเอยเลยพัดยาว
แสงแวบวาวจากฟ้าช่างน่ากลัว
.
ฝนตกซ้ำกระหน่ำความช้ำเศร้า
กลบ-ทบเอาแต่ตรมจมสลัว
ไร้แสงสีที่ใจให้ตื่นตัว
อวลอบทั่วมัวหม่นปนน้ำตา
.
กว่าจะผ่านพ้นวันอันร้อนรุ่ม
พิษรักคลุมมืดมิดจิตผวา
เกาะกินใจเผาไหม้ในอุรา
เหลือเพียงซากฝากมาล้าแรงโรย
.
ฤดูเศร้าอีกนานจะผ่านหาย
ยืนเดียวดายโดดเดี่ยวเหลียวระโหย
ลมกระหน่ำฝนพรำฉ่ำฟ้าโปรย
ราวถูกโบยบอบซ้ำจากคำลวง
.
บ้านร้อนตะวัน


วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทางปรารถนา

ทางปรารถนา
.
เป็นภาพหนึ่งตรึงให้หัวใจยิ้ม
มองแล้วอิ่มเอิบอาบกำซาบถวิล
ดั่งความสุขปลุกตนยามยลยิน
งามไม่สิ้นสู่สมอารมณ์คะนึง
.
สื่อสร้างสวยด้วยภาพที่อาบฝัน
อยากมีวันเว้าวอนออดอ้อนถึง
ขอเป็นบ้างอย่างนี้ฤดีรำพึง
ถ้า..วันหนึ่งในผลาชะตามี
.
ธรรมชาติสาดชื่นกลมกลืนนัก
ดังปกปักป้องปลุกให้สุขี
ความพอเพียงเรียงข้อความพอดี
ทุกนาทีทาบทั่วทุกตัวตน
.
งามกินอยู่รู้รักสมัครสมาน
งามอาการก่อแหล่งทุกแห่งหน
งามยาย ตา พาซึ้งตรึงกมล
งามสองคนเคียงข้างไม่ร้างรา
.
ความสุขแท้แผ่กระจายเป็นสายแสง
ต่างเติมแต่งต่อใจอยากใฝ่หา
ความสงบพบผ่านใช่มารยา
เป็นมรรคาความหมายทางสายกลาง
.
เถิด..ชาตินี้มีฝันสักวันหนึ่ง
จะดั้นถึงทางสุขให้ทุกข์ห่าง
หากชีพยังดังหมายไม่วายวาง
ต้องมีบ้างบอกตน..ให้ทนรอ..๚ะ๛
บ้านร้อนตะวัน


คีย์เศร้าเราระทม

คีย์เศร้าเราระทม
.
โดเรมี คีย์เสียงเรียงลำดับ
นำขานขับจับวางอย่างเหมาะสม
เสียงลื่นไหลให้สุขยามทุกข์ตรม
ชนชื่นชมสมฤดีคีย์ตระการ
.
นำบทเพลงเปล่งค่ามาประกอบ
ทำนองชอบมอบซึ้งตรึงสมาน
เลือกภาษาภาษรอ้อนดวงมาน
ช่างตระการอรรถรสในบทเพลง
.
แต่ชีวิตคิดไว้ไร้ลำดับ
กระโดดสับกลับเวียนเปลี่ยนข่มเหง
หวังไว้อย่างได้อย่างช่างไม่เกรง
ชีวิตฝันบรรเลง...เลยเคว้งคว้าง
.
ไม่เคยเรียง เพียงจิต..ชีวิตฝัน
ข้ามคีย์นั้นคีย์นี้..ที่หม่นหมาง
เสียงขาดตอน ผ่อนแผ่วไร้แนวทาง
ยินแต่เสียงครวญคราง...วางนอกคีย์
.
ลำนำรักสลักค่าคิดว่ายอด
คำเอื้อนออดหยอดหวานซ่านสุขี
ก็กลับขมตรมซุกเข้าคลุกคลี
เมื่อดนตรีมีเพี้ยนเปลี่ยนทำนอง
.
โน้ตสูงต่ำนำไปไม่ตลอด
มันมืดบอดขอดค่าพาหม่นหมอง
เสียงสุขหายร้ายเศร้ามาเข้าครอง
เพลงรักปองเปลี่ยนแล้ว...แนวระทม..๚ะ๛

บ้านร้อนตะวัน


..@ ไฉนเฉย @..

ไฉนเฉย
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒

ระเรื่อเรืองประเทืองฉม   ....สุขารมย์นิยมยิ่ง
ตะวันฉายพระพายอิง......มโนนิ่งประวิงวอน
.
พะนอนางระหว่างนี้......พิไรมีฤดีถอน
อรุณรางจะจางจร........ละอ่อนนางจะจางใจ
.
ฉะอ้อนสาวสกาวหวาน..... นิรันดร์กาลประสานใฝ่
ชะลอทางระหว่างใด.......สลัดไร้ฤทัยครอง
.
มโนรมย์ระทมขม....... สะบัดปมผสมสอง
นิราศร้างระหว่างปอง.....สนองเศร้ากมลดล
.
สลดรักสลักหลง......สะบั้นลงประสงค์ผล
วิลาวัณย์กระสันจน ......ละเลงคนกระวนวาย
.
อธิษฐาน ณ ลานสรวง......ประท้วงฟ้าสง่าหาย
ไฉนเฉยมิเคยกราย ........สลายเศร้า..สิเบาบาง
๚ะ๛
.

บ้านร้อนตะวัน



วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แสงสู่ศิลป์

แสงสู่ศิลป์
.
แสงเสริมศิลป์กลิ่นฝันให้บรรเจิด
แสงเปลี่ยนเปิดเป็นเลาให้เงาเสริม
แสงแฝงผลคนท้อให้ต่อเติม
แสงมีเริ่มแรงร้อนแล้วผ่อนคืน
.
คือทิวาราตรีแสงสีสลับ
เหมือนกำกับชีวิตอย่าคิดฝืน
หามีใครไหนช้ำทนกล้ำกลืน
ไม่เคยชื่นชวนใจล้วนไม่มี
.
แสงแบ่งส่วนควรมองสื่อของแสง
โอนอ่อนแรงเร้ารับเปลี่ยนปรับสี
สุขหรือทุกข์ปลุกปลอบรายรอบวิธี
หวานฤดีด้วยแสงเติมแต่งนิยม
.
หากโลกดับปรับแสงไม่แจ้งใส
โลกมืดไปเปื้อนปนหมองหม่นถม
ในความมืดจืดฝืนไร้รื่นรมย์
คงทุกข์ตรมตราบกายสลายลง
.
สื่อของแสงแรงฤทธิ์ทุกทิศา
จะตื่นตาตรมปลื้มหรือลืมหลง
ล้วนบันดาลปานวาดอำนาจคง
แสงบรรจงจึงล้วนให้ชวนมอง
.
จะงามแสงแฝงเศร้าหรือเร้ารส
ล้วนกำหนดหนึ่งนามที่ตามสนอง
แสงนำสู่หมู่สายที่หมายปอง
ให้สุขคล้องเคียงคืนหรือฝืนตรม๚ะ๛
บ้านร้อนตะวัน


วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สังคมดี มีสุข

สังคมดี มีสุข
.
สังคมงามยามมองถึงต้องยิ้ม
มองแล้วอิ่มอารมณ์ชื่นชมเหลือ
ความเรียบง่ายคล้ายหนุนมาจุนเจือ
งามอะเคื้อคงอยู่ในหมู่ชน
.
เพียงภาพเดียวเกี่ยวถ้อยเป็นร้อยร่ำ
เพียงภาพเดียวเกี่ยวนำตอกย้ำผล
เพียงภาพเดียวเกี่ยวจิตไร้พิษปน
เพียงภาพเดียวเกี่ยวกมลงามคนไทย
.
จากศรัทธาพาตระหนักความรักที่
หวงห่วงมีมากเหลือจุนเจือไฉน
ความเรียบง่ายฉายแสงสำแดงใด
ล้วนผ่องใสสวยสมชื่นชมวิธี
.
ภาพเมืองใหญ่ไหนนิยามถึงความสงบ
เรื่องราวรบรอบรุกห่างสุขี
ต่างรีบร้อนลนลานงุ่นง่านฤดี
ทั้งมากมีมลพิษมาลิดรอน
.
งามบ้านทุ่งปรุงแต่งสู่แสงสะอาด
แลวิลาศเลิศล้ำคุณธรรมสอน
งามผู้คนล้นบุญถ้อยสุนทร
แสนอาวรณ์วันใดหากไกลกัน
.
จึงเพียงภาพอาบแฝงด้วยแรงรัก
พร้อมเพรียงนักนำอ้างอย่าห่างหัน
สุขวิถีที่แสวงต่างแบ่งปัน
ร่วมสร้างสรรค์สามัคคีเริ่มที่ใจ๚ะ๛
บ้านร้อนตะวัน


❉ สิ่งที่เห็น กับ สิ่งที่เป็น ❉



สิ่งที่เห็น กับ สิ่งที่เป็น
.
สองตามองส่องไสวเห็นได้เท่า
แต่ใครเล่าเข้าถึงซึ่งแสงสี
แล้วแต่ใครเห็นค่าว่าภาพดี
มโนนึกเช่นนี้..ที่ต่างกัน
.
เกินบังคับเค้นใครให้เห็นเหมือน
จิตเขาเตือนเข้าเสริมเติมเสกสรร
รู้ด้วยตนค้นหาพาจำนรรจ์
ปรับเปลี่ยนผันตามสื่อคืออารมณ์
.
สิ่งที่เห็นต่างกันนั้นใช่แน่
ต่างก็แปรเปรอปรนบนสุขสม
อาจไม่เหมือนดั่งใครหวังใจชม
เลยไม่เห็นหนึ่งปมที่คมคาย
.
แม้นมุ่งหวังสั่งชี้สิ่งที่เห็น
ว่าโดดเด่นเป็นหลักที่ปักหมาย
ก็ยังมีอื่นมองจ้องเลยกราย
ใช่เห็นคล้ายดั่งชี้ที่ให้มอง
.
จึงต่างคนต่างเห็นเช่นต่างจิต
จึงต่างคนต่างคิดติดสนอง
จึงต่างคนต่างรู้สู่ทำนอง
จึงต่างคนต่างปองฉลองกรรม
.
สิ่งที่เห็นหาใช่ที่ใครเห็น
นั้นเพราะเป็นปัญญาพาถลำ
ผู้รู้มากยากเหลือเชื่อใครนำ
ผู้รู้ต่ำช้ำเหลือ..เมื่อถูกลวง..๚ะ๛
.
บ้านร้อนตะวัน



ความฝัน



ความฝัน
.
ต่างสื่อสารหวานคำฉ่ำฉอเลาะ
ล้วนพริ้งเพราะเกาะเกี่ยวเทียวเสนอ
หวานจากหนึ่งถึงหนึ่งซึ้งจริงเออ
ฉันก็เผลอเพ้อด้วยรวยอาการ
.
ยามรักห่อรักเห็นช่างเป็นสุข
ใจรื่นรุกปลุกฝันในวันหวาน
โลกสดสวยด้วยสีที่เบ่งบาน
ดุจวิมานขานขับรอรับนวล
.
ต่างโน้มนำคำไขด้วยใจมั่น
รักของฉันนั้นเลิศเถิดสงวน
ปรารถนาเพียงเจ้าเฝ้าชี้ชวน
อกปั่นป่วนผู้ฟัง..คลั่งอารมณ์
.
เท็จหรือจริงหญิงตรองด้วยหมองหม่น
หวานคำคนหวานล้ำนำสุขสม
หรือหวานนอกในเปรี้ยวเลี้ยวเล่นลม
ร้องระงม..คำถาม หวามหวั่นทรวง
.
อยากฝากบอกสาวน้อย..แม่ร้อยชั่ง
โปรดระวังบางคราวก้าวขึ้นสรวง
ดูให้ดีที่เห็นเป็นเดือนดวง
หรือเป็นบ่วงห่วงคล้องทำนองใด
.
อย่าวาดหวังเกินจริงสิ่งปองหมาย
ทุกเส้นสายมีปมสมไฉน
หากกังวลหม่นเศร้าเกินเข้าใจ
ปรึกษาได้..พี่ชาญ คนหวานคำ..อิอิ
.
บ้านร้อนตะวัน


วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อยากขอให้พอที


อยากขอให้พอที
.
อยากหลีกหลบจบกันไม่หันหา
วันเวลาเลยล่องที่หมองหม่น
มันนานแล้วแนวทางที่วางกล
ส่อเสี้ยมคนคุ้ยข่าวให้ร้าวทรวง
.
สร้างมุมมองสองทางอวดอ้างหมู่
บ้างข่มขู่เขี่ยใครอย่างใหญ่หลวง
กลุ่มอำนาจสาดซ้ำมากคำลวง
คนทั้งปวงเปรียบเช่นของเล่นมัน
.
เพื่ออะไรใคร่วอนให้ถอนเถอะ
บ้านเมืองเลอะลามลบโลกขบขัน
ไม่สงบรบราจ้องฆ่ากัน
คนถูกปันเป็นฝ่ายเสียดายจริง
.
“พ่อ” ส่งเสริมเติมค่าให้สามัคคี
ด้วยมากมีมุ่งหมายทั้งชายหญิง
ควรใสใจในคำที่ย้ำติง
วางทุกสิ่งส่วนต่างกันบ้างนะ
.
กว่าสิบปีที่เห็นไม่เป็นศรี
ต่อแต่นี้นับหนึ่งไม่ปึงปะ
โอนอ่อนมาหากันกล่าวฉันทะ
ด้วยคำ-คะ-ครับผม-ชื่นชมกัน
.
วานวอนขอพอเถอะเรื่องเลอะลับ
สื่อสดับด้วยปลุกคนสุขสันต์
สามัคคีมีปลื้มด่ำดื่มพลัน
สามสถาบันเบิกฟ้าสง่างาม๚ะ๛
บ้านร้อนตะวัน




วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แนวทางของบางคน


แนวทางของบางคน
.
จะให้ใครไหนเขาเหมือนเรานั้น
อย่าไปฝันฝากผลให้หม่นหมอง
จะให้ใครไหนนำเป็นทำนอง
ร่ายบทร้องเรียงเราอย่าเฝ้าคอย
.
แม้ใกล้ตัวครัวเดียวยังเหลียวต่าง
ต้องรู้วางวงรอบในกรอบถ้อย
เผด็จการผ่านจับประทับรอย
ไม่ปลดปล่อยเปลือกตมมาขมตน
.
รู้ละลบขบเคี่ยวกอดเกี่ยวกระชับ
รู้สดับดูธารละหานหน
รู้ฟากฟ้าคราแลงไร้แสงบน
รู้ว่าคนควรเคียงสำเนียงใด
.
สื่อเหมือนตนคนดีเป็นที่สุด
เกินมนุษย์มะนาเกินคว้าไขว่
สื่อเหมือนเลิศเกิดแถนจากแดนวิไล
แล้วไฉนนักหนาก้มว่าคน
.
ถ้าตัวดีดีทั่วเป็นตัวอย่าง
ให้ล้วนต่างตามมองไม่หมองหม่น
ชำระใจใสสุดผ่องผุดชน
อย่ากังวลว่าเขาบอกเราดี
.
เหมือน “ยกตนข่มท่าน” เป็นฐานตั้ง
ขึ้นยืนนั่งแน่นักสมศักดิ์ศรี
คำรามเสียงเยี่ยงสัตว์ถูกบัดพลี
เพียงแค่นี้แนวทางของบางใคร๚ะ๛

บ้านร้อนตะวัน