หน้าแรก

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

ณ ความรัก


หทัย ใส่ถ้อยร้อยคำหวาน
นำสื่อสารขานส่งตรงความหวัง
คงเป็นเสียงเพียงข้างวางลำพัง
หมายจริงจังหวังนั้นดั่งฝันปอง

หทัย ใคร่เห็น เป็นสุขสม
สื่ออารมณ์ด้วยสุขปลุกสนอง
ใครไหนเล่าเอาทุกข์คลุกทำนอง
ล้วนหวังครองคล้องคู่สู่วิมาน

หทัย ที่หมายปลายทางฝัน
เป็นเช่นนั้น เช่นนี้ที่วาดหวาน
หรือต้องเปลี่ยนเวียนวนบนอาการ
ยากประมาณสานสมหายตรมทรวง

หทัย วันนี้มีมุ่งมั่น
เพียงรอวันถึงหมายปลายแดนสรวง
ใจเต้นถี่ ที่คิด เชยชิดควง
เวลาล่วง ณ ดวงแด..แลหรือลืม..

บ้านริมโขง


~๐๐หลังเมฆหม่นฝนซาฟ้าย่อมใส๐๐~

รอคำตอบ

อาจไม่นานดอกหนาฝนฟ้าเปิด
ให้รอเถิดรอท่าฟ้าเปลี่ยนสี
แต่ความจริงสิ่งปองของฤดี
เนิ่นนานปีกว่าเห็นความเป็นไป

ครึ่งชีวิตถูกฆ่าพาถดถอย
ฝากร่องรอยคอยหวนชวนร่ำไห้
ด้วยชะตามาพับเหมือนหลับใน
ดิ้นอย่างไรไร้ค่านำพาตน

หนึ่ง-สอง-สาม นับครั้งที่หวังก้าว
สี่-ห้า-น้าว ราวรั้งกี่ครั้งหน
แม้ไม่ท้อต่อมารผลาญผจญ
แต่ไม่พ้นผลกรรม ที่ซ้ำเติม

ต้องอับเฉาเฝ้าคอยกี่ร้อยครั้ง
กว่าถึงฝั่งดังฝันวันส่งเสริม
ต้องปราบทุกข์อย่างไร ให้สุขเจิม
ในวันเริ่มฟ้าสวย...ช่วยบอกที..
 
บ้านริมโขง
 

~๐๐หลังเมฆหม่นฝนซาฟ้าย่อมใส๐๐~

~๐๐หลังเมฆหม่นฝนซาฟ้าย่อมใส๐๐~
 
 
เมื่อเมฆหม่นคนมองบนท้องฟ้า
กวาดสายตายังหมองมองสถาน
จะมีไดไหนก่อต่อสายธาร
ปริมาณมากน้อยคอยหวั่นใจ

เมฆที่หม่นคนเศร้าเฝ้าหวั่นหวาด
น้ำนั้นอาจมากล้นจนหวั่นไหว
อาจเทลงท่วมท้นจนเกินไป
จนท่วมไร่นาเราคนเฝ้ามอง

เกินควบคุมเกินใครไปกำหนด
เกินแบบบทแบบอย่างวางสนอง
เมฆบนฟ้าคราแค้นแสนหลั่งนอง
ดั่งลำพองต้องใจไร้เมตตา

คนบนดินถวิลใดไม่เคยสม
ต้องซานซมอมเศร้าเข้าสู่หา
ต้องรอคอยเพียงหวังทุกครั้งครา
อนิจจา..นี่หรือคือทางเดิน

ต้องรอคอยรออื่นเขายื่นให้
ต้องรอใครคอยขุนหนุนสรรเสริญ
รอเมตตาดั่งท้อ..งอมือเกิน
รอคำเชิญจึงได้..ในสิ่งปอง

เห็นเมฆหม่นบนฟ้าพาใจเศร้า
อีกแล้วเราเขาข่มไม่สมสอง
อุปสรรคมาบังหลั่งเนืองนอง
อีกคราต้องรอรั้ง...หลังฝนซา..

บ้านริมโขง




เมฆหม่นฝนซา

หลังเมฆหม่นฝนซาฟ้าย่อมใส
เป็นความนัยให้หวังดังขับขาน
ชีวิตอยู่สู้ต่อก่อผลงาน
และต้องการผ่านพ้นบนเปลี่ยนแปลง

แต่ไม่เหมือนดังเห็นเป็นทุกอย่าง
ล้วนแตกต่างจากกรรมนำแสวง
เชื่อทุกผู้หวังดีที่แสดง
แต่ฟ้าแกล้งหรือไร..ไม่เหมือนกัน.
 

กลิ่นร่ำฉ่ำใจ

กลิ่นร่ำฉ่ำใจ

กลิ่นรักอวลอบไอคลุมใจอยู่
กลิ่นรับรู้สู่ทรวงห้วงเสนอ
กลิ่นโหยหาพาซึ้งตรึงละเมอ
กลิ่นพร่ำเพ้อเปรอปรนยามยลเยือน

ร่ำรินร้อยถ้อยหวานสานสนอง
ร่ำรินร้องครองคู่ไม่รู้เจื่อน
ร่ำรินเรียงเคียงข้างไม่รางเลือน
ร่ำรินเตือนเหมือนใจร่ำไห้ครวญ

ฉ่ำในทรวงช่วงชั้นรำพันถึง
ฉ่ำคำนึงนัยนาพาสงวน
ฉ่ำคำถ้อยร้อยรสจารจรดนวล
ฉ่ำรัญจวนล้วนรุกทุกนาที

ใจเจ้าเอ๋ยใจนางช่างวางถ้อย
ใจน้องน้อยคอยอ้อนวอนสุขี
ใจประสงค์ตรงรักปักฤดี
ใจหนึ่งนี้ ใจรัก..เกินหักใจ..
 
บ้านริมโขง
 



น้ำ-น้ำใจ


น้ำ-น้ำใจ

น้ำที่รินเรียงหยดเย็นสดใส
เกิดสุขใจสุขกายคลี่คลายหมอง
พาความชื่นยื่นสมขับตรมครอง
คือสนองปองใฝ่เกิดในจินต์

ดั่งผู้ให้ผู้รับสลับข้าง
หากสองวางตรงใจใครถวิล
เอื้อต่อกันวันมอบตอบยลยิน
สุขไม่สิ้นรินร่ำ..ฉ่ำอารมณ์
 
 

หวังเพียง

หวังเพียง

ต่างอาวรณ์อ้อนฝันอันปรารถนา

ถ้อยคำพาสุดซึ้งถึงเสมอ
ส่งผู้เป็น “ที่รัก” หวังจักเจอ
อย่าให้เก้อเผลอผ่าน..กาลเวลา

เพราะห่วงเอย..ห่วงมากอยากย้อนย้ำ
ทุกถ้อยคำพร่ำถึงตรึงห่วงหา
ทุกวลีที่ขานผ่านอุรา
ทุกกิริยาคือน้อมพร้อมจากใจ

คนเคยรักมาห่างต่างวิถี
โอ้..คนดี คิดถึง ซึ้งไฉน
คนเคยหวงห่วงหามาจากไกล
ร่ำพิไรในอก..นรกครอง

หวังเพียงฟ้าปรานี คนดีฉัน
ได้พบวันสดใสไร้ภัยผอง
ได้กลับสู่คู่เรือนเหมือนดั่งปอง
สุขสนองคล้องสนาน..ที่บ้านตน
บ้านริมโขง

~@ เตือน @~

เตือน

จะเชื่อใครเชื่อตนหรือคนอื่น
ที่ดาษดื่นหมื่นหลายสายเสนอ
ของฉันจริงสิ่งนำ..เธอพร่ำเพ้อ
ค้นให้เจอจากใครในเรื่องราว

ต่างสรรหาเหตุผลดุนดลอ้าง
ล้วนนำวางต่างศักดิ์สำนักข่าว
บ้างยอเกียรติเสียดอื่นกลืนกลบคาว
เรื่องใดฉาวกล่าวย้ำกระหน่ำลง

เพียงหวังให้ใครเชื่อไม่เหลือซาก
ตามตนอยากให้เป็นไม่เห็นหลง
หวังชี้นำต่อไปใส่จำนง
ให้ยืนยงคงค่าสง่าคน

จึงรวมหมู่ผู้ต่างทางความเห็น
จึงรวมเป็นสังคมนิยมผล
สร้างหลักการหลักกูเสี้ยมหมู่ชน
สร้างเหตุผลนานามากล่อมกลืน

เตือนให้คิดพินิจค่าปัญญาเสริม
ให้คิดเริ่มจากฐานอย่าค้านขืน
เชื่อตามเหตุของตนจนยั่งยืน
ปลุกให้ตื่นจากฝันอันมายา

เมื่อมากมีความจริงไม่ยิ่งหย่อน
จักไม่ห่อนหวั่นไหวใดใดหนา
จะมองโลกสดใสในสายตา
พร้อมทุกคราถาโถม..เข้าโรมรัน
 
บ้านริมโขง
 

สัมพันธ์รักนักแสดง

สัมพันธ์รักนักแสดง


ยามรักก่อหนอใครไหนขื่นขม
ใครรักตรมยามสร้างบ้างไหมนี่
ล้วนแต่รื่นชื่นชอบตอบวลี
สุขฤดีปรีดิ์เปรมเกษมครอง

แต่ยากแท้แก่ใจคนไหวหวั่น
คือสัมพันธ์มั่นคงตรงสนอง
ให้รักยังมั่นอยู่คู่จับจอง
ต่างร่ำร้อง มองหาศรัทธาใด

เกินกว่ารักยามสมภิรมย์คู่
เกินที่ผู้คนวาดขนาดไหน
มากต้องการมากขอมากพอใจ
ตามเติมใส่ในห่อเพื่อต่อทุน

จึงความรักมักเพี้ยนเปลี่ยนสีแสง
จึงแสดงตามบทกำหนดหนุน
จึงตีบทเปลี่ยนฉากมากสกุล
จึงไออุ่นกรุ่นร้อน..ก่อนลงเอย..

บ้านริมโขง


วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

ในสายธารเศร้า

ในสายธารเศร้า


เมื่อโลกหมุนเวียนวนคนเวียนว่าย
สรรพสิ่งหลากหลายคล้ายเคลื่อนไหว
แกนโลกเอียงเพียงเน้นความเป็นไป
คนยิ่งใหญ่ไหนบ้างที่วางตรง

มองจากตัวตนเองเชลงร่ำ
มีกี่คำนำใส่ไม่ไหลหลง
มีสิ่งใดธรรมชาติประกาศคง
ไม่บรรจงเติมแต่งแฝงเล่ห์ลักษณ์

คนเริ่มก่อต่อตามลามสื่อสาร
เกินประมาณปานใดใครรู้จัก
มีสังคมเสริมสีเปรมปรีดิ์นัก
ใครไหนจักแยกออก..ไหนหลอกลวง

ชีวิตจึงเวียนว่ายสายธารเศร้า
แต่ตัวเขา, เราหรือคือใฝ่สรวง
ทั้งกายเปื้อนเลื่อนองค์ประสงค์ลวง
เป็นเดือนดวงผู้สง่าฟากฟ้าไกล

จึงด้วยเล่ห์เททับขยับข้าง
เหยียบหัวบ่าพาร่างวางเฉิดไฉ
ช่างหัวมัน ฉันกร่างอย่างพอใจ
จะเป็นใครไม่สน..ฉันคนเดียว

ต่างมีส่วนป่วนปนบนสถาน
มากอาการปานใดใครเฉลียว
ตัวของตนรู้ไหมในแกนเกลียว
มีกี่เสี้ยวเลี้ยวบอก..หลอกตนเอง..
 
บ้านริมโขง
 

..ยิ้มจึงไหวใจจึงเปลี่ยน..


..ยิ้มจึงไหวใจจึงเปลี่ยน..


ยิ้ม..ในทรวงห่วงถึงรำพึงฝาก
ยิ้มคราพรากจากกันจำนรรจ์เสียง
ยิ้มเกลื่อนหน้าพาชื่นรื่นร้อยเรียง
ยิ้มหวังเคียงเพียงหมายคล้ายฝันไป

จึง..เพียงยิ้มพริ้มรับคำขับขาน
จึงเพียงสานสู่สองมองหวั่นไหว
จึงเพียงเอื้อเผื่อพลาดหากบาดใจ
จึงเพียงใครสู่สมนิยมคำ

ไหว..หวั่นตนทนหมองยามต้องจาก
ไหวหวั่นมากหากรักจักถลำ
ไหวหวั่นจนทนท้อรอระกำ
ไหวหวั่นทำจำลาน้ำตานอง

ใจ..เจ้าเอยไฉนเลยไม่เคยชื่น
ใจขมขื่นกลืนช้ำระกำหมอง
ใจรอคอยหงอยเหงายังเฝ้าปอง
ใจร่ำร้องครองคู่หวังอยู่เคียง

จึง..ตั้งตาพาฝันมั่นเสมอ
จึงพร่ำเพ้อเธอฉันรำพันเสียง
จึงรอคอยรอยทางวางมองเมียง
จึงร้อยเรียงเพียงกานท์ผสานใจ

เปลี่ยน..เวียนวนจนหวั่นวันคอยคู่
เปลี่ยนฤดูสู่ฤดีที่หวามไหว
เปลี่ยนคืนวันผันผ่านม่านวิไล
เปลี่ยนอย่างไรใจยังเปลี่ยว..แสนเดียวดาย.
 
บ้านริมโขง
 

ลิงเอ๋ยลิง1

กลิ่นกะปิที่เหม็นลิงเผ่นหนี
ไม่ยินดีกลิ่นเน่าเข้าถลำ
ติดที่ไหนอยากเฉือนตรงเปื้อนคำ
สุดระกำกลิ่นร้ายตายไม่คบ

คนกลับเห็นเช่นว่าลิงหน้าโง่
ติดกลิ่นโอ่นิดเดียวกราดเกลี้ยวกลบ
คือคนคิดเข้าข้างอย่างบัดซบ
กลิ่นตระหลบยังหลงงงไหมลิง

ต่างชาติพันธุ์นั้นไงแบ่งใครออก
ใช่รวมคอกตอกหลักปักทุกสิ่ง
ต่างรู้รักรู้เบียด เกลียดใดจริง
ใดควรทิ้งควรเทิดเลิศต่างกัน

แต่รู้ไหมใดเหม็นลิงเผ่นจาก
ไม่เรื่องมากเหมือนคนค้นเสพสันต์
คนยังเคล้าเข้าคลุกปลุกสัมพันธ์
เพียงใครนั้นมีทรัพย์..กลับชื่นชม.
บ้านริมโขง
 

~๐๐ โขงโยงรัก ๐๐~

น้ำโขงเอื่อยเรื่อยไหลในหน้าแล้ง
ดุจใครแกล้งแบ่งกั้นให้ผันผ่อน
ดังเหนื่อยล้าอาการมานร้าวรอน
ดังใครย้อนแกล้งเย้ยเกยหาดดิน

ถึงล้าแรงอย่างไรไม่ยอมหยุด
ยังเรื่อยรุดมุ่งหน้าคราถวิล
น้ำโขงเอยเปรยปรนใครยลยิน
เสียงแคนพิณดั่งเผลอเพ้อลอยลม

คร่ำครวญคอยข้างคุ้งมุ่งหน้าฝัน
ถึงคราวันน้ำปริ่มอิ่มสุขสม
หวังเธอชอบมอบหมายให้คลายปม
เปิดรักห่มที่ห่อก่อไมตรี

วสันต์เยือนเคลื่อนมาพาฝนฉ่ำ
เกลียวคลื่นน้ำระริกพลิ้วพลิกสี
ผสมคลื่นลมพาน่าเปรมปรีดิ์
ดุจดังเพชรเก็จมณีที่พริ้งพราว

อยากชื่นชู้ชมชี้ฤดีคล้อง
เคียงคู่ปองสองเกลียวเกี่ยวรักสาว
โอบร่างอิ่มพริ้มพักตร์รักยืนยาว
นิ่งนานน้าวเนื้อนวลอุ่นอวลองค์

น้ำโขงเรื่อยไหลเลยไม่เคยท้อ
ตามเติมต่อถึงปลายคล้ายประสงค์
มีมุ่งมั่นไม่ท้อต่อจำนง
รักของฉันยังคง..ไม่หลงทาง

บ้านริมโขง


~ รักนี้ที่เซเว่น ~

ถูกควักดวงใจ

ต้องตามถามแท้แน่แน่ว                 บ้านช่องห้องแถว
อยู่ไหนใกล้ไกลต้องตาม

จู่จู่คว้าไปดั่งหยาม                       อกฉันเคยงาม
บัดนี้มีรูดูรวน

ก่อนอื่นตื่นตาพาหวน                  แจ้งความโดยด่วน
ผู้หมวดตรวจใจให้ที

ด้วยฉันถูกเบียดเสียดสี                 ในร้านเมื่อกี้
ข้อหาลามลวนป่วนใจ

ผู้ชายหน้าหล่อตาใส                     รูปร่างสูงใหญ่
เขารวนเขาลามตามทรวง

ผู้หมวดอย่าปล่อยลอยล่วง              อกฉันมันกลวง
จะอยู่อย่างไรใคร่ตาม..
 
บ้านริมโขง
 

ลิงเอ๋ยลิง

คำพังเพยเอ๋ยขานมานานมาก
ดัง “ปอกกล้วย เข้าปาก” ยากไฉน
ทุกผู้คนล้วนคิด เลิกติดใจ
มองลึกไปไม่ขลัง คำพังเพย

ยกมาอ้างอย่างลิงยิ่งเห็นชัด
จะขบกัด,บิ,ปอก ออกเฉลย
ล้วนต้องรู้หัวท้าย หมายไว้เลย
จึงเหมือนเอ่ยปอกง่ายแล้วได้กิน

หากบังเอิญเกิดมั่วปอกขั้วก้าน
คงเป็นงานไม่ง่ายหมายถวิล
เป็นกล้วยสุกคงเละตกเปะดิน
ใครยลยินคงขำสำลักกลืน

จึงสิ่งง่ายหมายหวังตั้งแต่ต้น
จากตัวตนเริ่มดีไม่มีฝืน
เดินตามทางสร้างธรรมนำยั่งยืน
ทุกค่ำคืนชื่นสุขไม่ทุกข์ตรม



อย่าเพิ่งหวังใดง่าย..คล้ายปอกกล้วย
อย่าเพิ่งหวังใดช่วย ไล่ขวยขม
อย่าเพิ่งหวังใดห่างทางระทม
อย่าเพิ่งหวังใดสมเพียงคมคำ
 
บ้านริมโขง