หน้าแรก

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

~~@ กลิ่นธรรม @~~


กลิ่นธรรม

สิ่งที่เห็นเป็นผลบนธรรมชาติ
ดารดาษทั่วสกลคนหวั่นไหว
เกิดและดับตามเหตุหาเลศใด
ล้วนเป็นไปตามสถานกาลเวลา

ต่างได้รับผลสะท้อนเป็นก้อนผล
มากมัวหม่นบนแผนตอบแทนค่า
ทำดีก่อก็ดีมีตามมา
ทำลายล้างบางคราพายับเยิน

ความสวยใสเสริมสุขทุกคนรู้
ธรรมชาติคงอยู่ดูสรรเสริญ
การทำลายธรรมชาติอย่างขาดเกิน
ล้วนเผชิญทุกข์ภัยในแผ่นดิน

จะคงอยู่ดูดิ้นหรือสิ้นเชื้อ
จะก่อเกื้อเหลือล้นบนถวิล
ล้วนเพราะจิตแห่งตนผู้ยลยิน
ล้วนเพราะกลิ่นแห่งธรรมช่วยนำทาง

"บ้านริมโขง"

~~@ บัวสี่เหล่า @~~


ตามกรรม

บุญกรรมใดใครก่อเป็นบ่อหมัก
ต้องฟูมฟักตักตวงพ่วงขุกเข็ญ
เกินที่ใครไหนชี้ที่ประเด็น
ด้วยมองเห็นต่างกันรำพันไย

ฟังพระสวดเพียงบทก็ปลดปลง
เพราะประสงค์ตรงทางวางแจ่มใส
ฟังพระสวดข้ามคืนหรืออื่นใด
หาจับใจไหนเล่าเพราะเขลาเกิน

จึงต่างคนต่างเป็นเช่นนั้นแล
ได้เพียงแผ่เมตตาว่าสรรเสริญ
อย่าจองเวรจองกรรมพร่ำเชื้อเชิญ..
เจ้าจงเดินใช้กรรม..ที่ทำมา

"บ้านริมโขง"

~~@ สังคม "คน" @~~


สังคม “คน”

ในสังคม "คนเป็น" เห็นเสมอ
ล้วนเสนอแนวเปลี่ยนเวียนหลากหลาม
ทุกชีวิตเลื่อนไหลไปทุกยาม
เกินจะห้ามให้หยุดก่อนสุดทาง

ล้วนเป็นจริงสิ่งใดให้ก่อเกิด
ไม่นานเถิดตายดับลับเลยห่าง
มีเกิดแก่ เจ็บตายที่วายวาง
คือทุกอย่างอนิจจังดังได้ยิน

จึงต้องรู้ต้องตื่นไม่ฝืนรั้ง
ใดจะยั้งยืนยงคงถวิล
ล้วนเลื่อนไหลในธารผ่านโบยบิน
วางชีวินตามสมัยใจสบาย

ใดเปลี่ยนไปย่อมมีที่เปลี่ยนแปลง
ใดแสวงย่อมดีมีความหมาย
ใดแข่งขันนั้นมีที่งมงาย
ใดแพ้พ่ายย่อมหวังครั้งหน้ามี

ในสังคมมากล้นส่วนปนเปื้อน
ดุจเสมือนผ้าขาวคราวสาดสี
เกินจะคัดตัดออกบอกไม่ดี
เป็นผ้าแหว่งแหล่งชี้ที่เป็นรู

“ดอกไม้พาลบานแบ่งในสังคม”
ช่างไม่สมไม่สวยด้วยเลิศหรู
จะหาใดไหนล้วนชวนเชิดชู
ทุกเหล่าหมู่คือ “คน” บนสมนาม

"บ้านริมโขง"

~~@ สุขใดไหนเล่าเท่าสุขใจ @~~


สุขใดใดไหนเล่าเท่าสุขใจ

จากจุดเริ่มเติมก่อต่อชีวิต
ต่างมีสิทธิ์คิดไปไร้สูงต่ำ
อยู่ที่ตนคนก้าวที่น้าวนำ
จะเดินย่ำอย่างไรในวิธี

หากแต่เกิดชาติหนึ่งซึ่งกำหนด
ให้หลั่นลดโอกาสวาดวิถี
ไม่เท่าเทียมแต่ต้นบนมากมี
เป็นบทชี้ชีวิตกดสิทธิ์ตน

ดั่งแข่งเรือแข่งพายพอหมายได้
แต่อย่าให้แข่งเถิดเกิดแห่งหน
ตามชะตาของใครได้บันดล
แต่ละคนไม่เท่าเฝ้าแจกแจง

หากสิ่งหนึ่งพึงปรับประดับเท่า
จิตของเราเฝ้าสร้างทางแสวง
จิตเป็นสุขด้วยตนคนแสดง
จิตคือแสงไฟเสริมเติมค่าคน

จะทุกข์ยากมากดีมีชีวิต
ล้วนตามติดชิดใกล้ไปทุกหน
เพียงไม่นานดับสิ้นสู่ดินดล
หามรรคผลยืนยังให้ตั้งวาง

แต่ผู้รู้ผู้ตื่นในคืนค่ำ
ล้วนน้อมนำคำพุทธ.สุดสว่าง
สุขด้วยใจด้วยจิตไม่ผิดทาง
สุขกระจ่างในคน..บนหัวใจ


"บ้านริมโขง"

๐๐.. มันมโน ..๐๐


มันมโน..

ในคำสอนบรมศาสดา
รับเอามาด้วยจริงสิ่งเรียนร่ำ
พิสูจน์ได้ด้วยศาสตร์วางวาดนำ
ว่าเป็นคำสอนสู่คู่มวลชน

แต่เรื่องเล่าพุทธองค์ทรงเลิศฤทธิ์
เกินที่จิตจะรับกำกับผล
แรกเกิดเดินเจ็ดก้าวกล่าวเยี่ยมยล
หาเหตุผลใดรับกลับไม่มี

หากจะอวยด้วยเลิศเกิดสถาน
หากสมานการใดในศักดิ์ศรี
วิทยาศาสตร์อ้างอิงเป็นสิ่งดี
แต่เหตุนี้เกินเล่าเข้านิยาย

พุทธศาสนา ยืนมาท้าทุกสิ่ง
ด้วยความจริงพิสูจน์เห็นเด่นเหลือหลาย
เป็นคำสอนมวลชนพ้นอบาย
จนสืบสายเนิ่นนานด้านความจริง

แต่เรื่องเล่าเก่าก่อนกลับซ่อนเงื่อน
เหมือนบิดเบือนเลื่อนฟ้ามาสู่สิง
ว่าฟ้าต่ำเพียงดินยินแอบอิง
ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นมัน..มโน..



"บ้านริมโขง"

๐๐.. เตรียมเสมอ ..๐๐



เตรียมเสมอ

เตรียมตัวตายทุกวันไม่หันหนี
แม้พรุ่งนี้ไม่หวังพลังเร่ง
ปล่อยไปกับคืนวันที่บรรเลง
หาได้เกรงวันหน้าถ้าสิ้นใจ

รู้ว่าเกิดว่าตายหมายเป็นคู่
มีชีพอยู่คู่เวลาหาหวั่นไหว
ทุกก้าวย่ำจำซึ้งกว่าหนึ่งใด
ว่าก้าวไปพร้อมวันดับขันธ์กรรม

ยามชีพยังสั่งสมบ่มสนอง
ผู้เกี่ยวข้องคล้องคูณเกื้อกูลกล้ำ
ไม่เคยเว้นเห็นทั่วตัวกระทำ
ด้วยน้อมนำกตัญญูรู้ในคุณ

จึงไม่กลัวถ้าดับกับวันไหน
เพราะดับไปเพียงตนไร้คนหนุน
ซึ่งปล่อยวางใยเยื่อเกื้อการุณ
พร้อมสิ้นบุญสิ้นโศกวิโยคคลาย

อื่นอย่าคิดแทนใครในหน้าที่
ต่างคนมีสีสันต่างมั่นหมาย
กรรมเวรใดใครขุ่นใครวุ่นวาย
อีกเกิดแก่..เจ็บตาย ไม่ขายใคร

ดั่งพระธรรมคำสอนเป็นก้อนหลัก
ล้วนต่างควักต่างมอบต่างกอบใส่
ตามปัญญาแห่งตนต่างขนไป
ผลยิ่งใหญ่ใคร่ดล..คนศรัทธา


"บ้านริมโขง"

~~@ อาจเพียงเพราะ..@~~



อาจเพียงเพราะ

อาจไม่ซึ้งถึงแก่นแดนเลอเลิศ
อาจไม่เปิดถึงบทกฎแสนฉ่ำ
อาจไม่เคยได้ตายคล้ายแนะนำ
อาจยังต่ำคลำถึงซึ่งแดนใด

เพียงวันนี้ที่รู้ยังอยู่ยั้ง
เพียงแต่ตั้งตรงมั่นหาหวั่นไหว
เพียงรู้ดีรู้ชั่วตัวอย่างไร
เพียงหัวใจไม่หลงดงมารยา

เพราะด้วยผลแห่งกรรมทำให้เห็น
เพราะด้วยเป็นเหตุผลบนปัญหา
เพราะตัวอย่างวางสื่อคือปัญญา
เพราะอนิจจานั้นจริงสิ่งจดจำ

คุณพระพุทธสุดเลิศเหมือนเปิดโลก
คุณวิโยคโฉลกใดให้ถลำ
คุณคือคนก่อเองบรรเลงนำ
คุณชุ่มฉ่ำต่ำต้อยร้อยเรื่องคุณ

ไม่มีใครเติมใดให้ใครครบ
ไม่มีจบเพียงคำมานำหนุน
ไม่มีพอขอเพียงเสี่ยงใบบุญ
ไม่มีขุ่นมีขมสมใจแล้ว

เคยหรือไรใครตายได้คืนกลับ
เคยได้ปรับตัวใหม่ได้แน่แน่ว
เคยจำได้ก่อนสิ้นยินแนะแนว
เคยเห็นแก้วแววใด..ไหนนำทาง..



"บ้านริมโขง"

~~@ ใคร @~~


55

ใคร ??

ฟังเหมือนไม่เบือนบิด
ทุกชีวิตไม่ผิดขั้น
สุดท้ายคล้ายจาบัลย์
เมื่อบทจบมาพบทาง

พูดง่ายปลายปากกา
ล้วนมากหน้าถูกพร่าถาง
แต่ตนถนนวาง
จะสิ้นสุด ณ จุดใด

กังวลคนก้าวต่อ
สร้างแรงถ่อต่อแค่ไหน
กลัวเกินยามเดินไป
อีกกี่ก้าวถึงคราวจน

ปลายทางต่างสิ้นดับ
ใช่ความลับยามดับหม่น
แต่ใครไหนสักคน
อยากเท่ากันวันสิ้นลม


"บ้านริมโขง"

๐๐.. ใครไหนทอง ..๐๐


50

ใครไหนทอง !!

มองทองแท้แลงามอร่ามเหลือง
คือประเทืองเรืองค่าพาไหลหลง
ใต้สำนึกมีไหมใครปลดปลง
ไม่ประสงค์ตรงยื้อมาถือครอง

งามดั่งองค์ทรงค่าพาเอื้อมถือ
คนแย่งยื้อถือธรรมนำสนอง
ตามรอยบาทพุทธะมโนปอง
ร่วมทำนองของคนเกิดผลดี

แต่มากเหลือเจือคนบนสถาน
สืบสันดานต่างกันบรรณวิถี
ทองผสมกลมกลืนหมื่นวิธี
ต่างมากมีตามค่าว่าดีเลว

ตามช่างทองส่องเสาะจำเพาะค่า
เฉดใดหนาทองแท้ไม่แลเหลว
สังคมหยาบอาบฝังดั่งทองเปลว
เลือกลงเหวลงคลองทำนองใด

เนื้อทองแท้แลเลิศเฉิดฉวี
ล้วนมากมีแนวร่วมมาสวมใส่
จึงวัดวางต่างส่วนทวนจิตใจ
ว่าคือใครไหนงามอร่ามทอง

14

"บ้านริมโขง"

~~@ หุ่นกระบอก @~~

26-

หุ่นกระบอกออกท่าตามวาระ
สถานะของเล่นเช่นสนาน
คนที่ชักรักหุ่นคุ้นอาการ
ส่งสื่อสารเพียงน้อยก็คล้อยตาม

คนที่ชักต้องฝึกผนึกผล
ปรับตัวตนเชี่ยวชาญการสนาม
รู้ลู่ทางวางท่าสง่างาม
เคร่งนิยามนิ้วสั่งได้ดั่งใจ

ผู้ชื่นชอบตอบฉงนตนเคลิบเคลิ้ม
ดูแล้วเริ่มซาบซึ้งรำพึงใฝ่
อยากเป็นหุ่นดูบ้างจะอย่างไร
ปล่อยตนไปตามวิถีมีคนนำ

บ้างก็เห็นหน้าฉากมากเรื่องเล่า
นี่หรือเขากล่าวอ้างวางเรื่องขำ
มือที่มองไม่เห็นคอยเค้นคลำ
คนจดจำคำนี้..ที่ฮือฮา

เหมือนสร้างภาพลวงเล่นเช่นตลก
ล้วนตายตกตามบทกำหนดหนา
หุ่นกระบอกอาจสลายปลายเวลา
ส่วนคนเชิด เริ่มหา..หุ่นใหม่แทน


"บ้านริมโขง"

~~@ "คน" ตัวละคร @~~


คน~ตัวละคร

บทสรุปสุดท้ายคล้ายเสมอ
ทั้งฉัน-เธอเลอลักษณ์สลักโฉม
ต่างไม่พ้นตายดับลาลับโลม
ถึงประโคมโหมแห่ก็แค่นั้น

แต่ก่อนลับดับสิ้นสู่ดินเก่า
ต่างพงศ์เผ่าเขาแต่งแบ่งขีดขั้น
ตามยศฐาบารมีที่เรียกกัน
ตามชนชั้นคั่นค่าว่าเลิศคน

จำลองฟ้าจำลองอินทร์สู่ถิ่นฐาน
สร้างวิมานปานแถนแสนสับสน
ให้เห็นต่างวางเลิศเปิดสกล
อ้างเบื้องบนคนสวรรค์ท่านประทาน

เขาไม่รู้หรือไรใครในโลก
อุปโลกน์โลกสวยด้วยขับขาน
ตนเพียงผู้แสดงแปลงอาการ
เพียงไม่นานบทสนองต้องจบลง


"บ้านริมโขง"

~~@ โลกเน่า @~~



โลกเน่า
คือคิดแบบโลกสวยด้วยมโน
มากอักโขจินตนาน่าหล่อเหลา
วาดด้วยหวังหยั่งผลค้นหาเอา
ดังขัดเกลาสนิมทิ่มในเนื้อ

ให้-อภัย เป็นทานสานบุญก่อ
ด้วยตามต่อเมตตามาโอบเอื้อ
ผู้รับผลยลค่าน่าจุนเจือ
แต่ร้ายเหลือเมือสมานพวกพาลชน

ผู้ติดต่ำในตมสมควรหรือ
ไปยื่นมือดึงดอกให้ออกผล
ไม่ยืดช่อต่อก้านสานกมล
ด้วยแรงตนพ้นไฉนไม่ขาดกลาง

จึงผู้ให้ต้องมองตรองสะท้อน
จะช่วยถอนหรือถือหรือแผ้วถาง
จะช่วยให้โลกเบาหรือเข้าทาง
ทับถมสร้างโลกเน่าเข้ากว่าเดิม

ใช่ทุกคนบนโลกพบโชคช่วย
ดีเลวด้วยอย่างใดเพียงใครเสริม
หากเกิดแต่เนื้อในไหลต่อเติม
จากจุดเริ่มแห่งเขาและเงากรรม

เก็บปรารถนามามอบตอบคนอยาก
มีของฝากผู้น้อมพร้อมกลืนกล้ำ
เป็นบัวพ้นผิวขุ่นอรุณนำ
ยามแสงย้ำฉ่ำโฉมโลมศรัทธา


"บ้านริมโขง"

~~@ ใบไร้แก่น @~~

55

ใบไร้แก่น

ถึงมีรากซึมซับรับอาหาร
ถึงสายธารชุ่มชื่นตื่นตาเห็น
ต้นไม่อาจรั้งใบให้อยู่เย็น
หลุดกระเด็นลอยหล่นปรกปนดิน

เหมือนตัดเยื่อขาดใยไม่เห็นค่า
เสริมส่งมาสู่ต้นล้นถวิล
จนเติบใหญ่ได้สมอารมณ์จินต์
สลัดสิ้นไม่เหลือเป็นเชื้อแนว

ใบยังพร้อมหลอมร่างเพื่อสร้างราก
ละลายซากเพื่อต้นบนแน่แน่ว
เป็นอาหารคืนเติมเพิ่มเพริศแพร้ว
ไม่เหลือแล้วสังขารเมื่อวานนั้น

ต้นเย็นชาหน้ารื่นยิ้มชื่นชู้
ผลิใบหรูหมู่ใหม่ให้สีสัน
ส่งอาหารเสริมสู่ทุกหมู่พันธ์
ใบใหม่นั้นพลิกพลิ้วล้อลิ่วลม

อนิจจาค่าคนบนสมัย
อุปมัยให้เห็นเป็นสาสม
เกิดแล้วตายปลายทางวางนิยม
ทุกข์สุขบ่มปมปุจฉา..บนค่าใบ

ดั่งเกิดอยู่ดูดีมีความหมาย
ต้องสืบสายต่อตนบนกิ่งใหญ่
แล้วรอวันถึงกาลโรยรานไป
หามีไม่แก่นสาร..ประมาณนั้น


"บ้านริมโขง"

~~@ หยาดน้ำตา @~~


หยาดน้ำตาคราครั้งดังฝนฟ้า
หลั่งลงมาพาพื้นชื่นแจ่มใส
หลังฝนลาฟ้างามวามวิไล
ดั่งดับไฟในทรวงปลดบ่วงมาร

ดุจล้างสีที่เศร้ามีเงาเงื่อน
ล้างคราบเปื้อนเลือนรางบางสถาน
ให้สดสวยสดใสในอาคาร
ให้ชื่นบานยามมองใครต้องชม

ทั้งสุขเศร้าเหงาหงอยร้อยปัญหา
มีน้ำตามาเสริมเติมสู่สม
ใช่แต่ทุกข์ห่วงหาน้ำตาพรม
ชื่นภิรมย์ก็เห็นเป็นน้ำตา

จนบางครั้งยังมีวจีย้อน
ยามออดอ้อนวอนหวังดั่งโหยหา
ล้วนรินไหลให้ล้นบนมารยา
มีภาพมาให้ดูผู้อาลัย

แม้นน้ำตาถูกห้ามตามสถาน
ปิดอาการซ่านซมตรมหวั่นไหว
เกินล้างคราบอาบทาปัญหาใจ
แต่ยังไหลในอกตกน้ำตา

ยามใดซึ้งถึงท้อหนอระทด
อย่าได้หมดปลดวางทางหวนหา
หลังร้องไห้ฟูมฟายหลายเพ-ลา
จงกลับมาเริ่มใหม่ ให้ก้าวเดิน


"บ้านริมโขง"